วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

Journey to the Promised Land Part 3 The Feast of Passover



สองภาคแรก เราได้สำรวจ ภาพสัญลักษณ์ที่เป็นตัวบุคคล ในบทนี้ เราจะมาสำรวจภาพสัญลักษณ์ที่เป็นเหตุการณ์ เหตุการณ์นี้ เป็น 1 ใน 7 เทศกาลที่คนยิว ถือปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ เทศกาลนี้ เรียกว่า "เทศกาลปัสกา (The Feast of Passover)"


หลังจากที่โมเสสเข้าเฝ้าฟาโรห์ เพื่อให้ฟาโรห์ปล่อยคนอิสราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์ แต่ฟาโรห์ใจแข็งกระด้าง พระเจ้าจึงให้เกิดภัยพิบัติ 9 ครั้ง แต่จนแล้วจนรอด ฟาโรห์ก็ดื้อรั้นไม่ตอบสนอง



ในพระคัมภีร์อพยพบทที่ 11 พระเจ้าได้บอกกับโมเสสว่า พระองค์จะให้เกิดภัยพิบัติอีกครั้งเดียว คือการประหารบุตรหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่ราชบุตรหัวปีของฟาโรห์, บุตรหัวปีของทาสหญิงซึ่งโม่แป้ง รวมถึงบุตรหัวปีของสัตว์เดียรัจฉานจะตาย และนี่จะเป็นภัยพิบัติครั้งสุดท้าย

ต่อมาในบทที่ 12 พระเจ้าได้สั่งให้โมเสส และอาโรนตั้งพิธีปัสกา และให้ถือปฏิบัติพิธีนี้ตลอดไป

วันนี้ผมอยากจะพูดถึงภาพสัญลักษณ์หนึ่ง ที่มีความสำคัญมาก ถึงมากที่สุด ของบทความ 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร ภาพสัญลักษณ์นี้ คือกุญแจ และหัวใจหลัก ในการแปล และเชื่อมทุกภาพสัญลักษณ์ในซีรีย์นี้

พิธีปัสกา จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรก คืออาหารสามอย่างที่พระเจ้าให้คนอิสราเอลรับประทาน - เนื้อแกะปิ้ง, ขนมปังไร้เชื้อ และผักรสขม และส่วนที่สอง คือส่วนที่พระเจ้าให้คนอิสราเอลทำ ในบทความนี้ ผมอยากจะโฟกัสถึงส่วนที่สอง

พระเจ้าให้คนอิสราเอล ฆ่าลูกแกะผู้ อายุไม่ถึงหนึ่งขวบ ที่ปราศจากตำหนิ และเอาโลหิตของแกะนั้น ทาที่วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบน

อพย 12:5-7  5 ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิเป็นตัวผู้อายุไม่เกินหนึ่งขวบ เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะ หรือฝูงแพะ 6 จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้นให้ที่ประชุมของคนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะของเขา 7 แล้วเอาเลือดทาที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบน ณ เรือนที่เขาเลี้ยงกันนั้นด้วย

ถึงตรงนี้ มีภาพสัญลักษณ์ 3 ภาพ ที่พระเจ้าได้พูดถึง - ลูกแกะ, วงกบประตู และเลือดแกะ ก่อนที่เราจะไปต่อ ให้เรามาแกะภาพสัญลักษณ์ทั้งสามกันก่อน

ลูกแกะ - พระเยซูคริสต์

ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเรียกพระเยซูว่า พระเมษโปดกของพระเจ้า (ลูกแกะของพระเจ้า)

ยน 1:29 วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า "จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย

John 1:29 The next day John saw Jesus coming toward him, and said, "Behold! The Lamb of God who takes away the sin of the world! (NKJ)

วงกบประตู - ไม้กางเขน


ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่เคยอ่านบทความ เกิดอะไรขึ้นที่สวนเกทเสมนี อยากให้เพื่อนๆ ลองไปอ่านดูนะครับ ในบทนั้น ผมได้กล่าวถึงเรื่องทาสคนฮีบรู ผมได้อธิบาย ถึงเรื่องวงกบประตูเป็นภาพเล็งถึงไม้กางเขนเอาไว้ เป็นภาพที่สอดคล้องกันตลอดเล่มพระคัมภีร์

เลือดแกะ - พระโลหิตพระเยซู

อาจารย์เปาโล ได้แปลภาพสัญลักษณ์ลูกแกะในพิธีปัสกา ให้เรารู้ว่า เป็นภาพเล็งถึงพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นปัสกาของเรา

1คร 5:7 ดังนั้นจงชำระเชื้อเก่าเสียเพื่อท่านจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่เหมือนขนมปังไร้เชื้อ เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา ได้ถูกฆ่าบูชาเพื่อเราเสียแล้ว



โลหิตของแกะที่ต้องหลั่งออก เป็นภาพเล็งถึงโลหิตของพระเยซูที่ต้องหลั่งออก เพื่อชำระโทษความผิดบาปของเรา

ฮบ 10:22 และตามพระราชบัญญัติถือว่า เกือบทุกสิ่งจะถูกชำระด้วยโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย


เหตุการณ์ภาพสัญลักษณ์ในพระคัมภีร์เดิมเป็นเงา ที่ช่วยให้เราตีความ และเข้าใจพระคัมภีร์ใหม่อย่างถูกต้อง เรามาดูสิ่งทีพระเจ้าพูดกันสักนิดนะครับ


อพย 12:13  แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติทำลายเจ้า ขณะที่เราประหารประเทศอียิปต์

เท่าที่อ่าน ชัดเจน เงื่อนไขมีเพียงแค่อย่างเดียว คือเมื่อพระเจ้าเห็นเลือดแกะ

มีผู้เชื่อมากมาย รวมทั้งผม (เมื่อก่อน) ที่มุ่งโฟกัสไปที่ความเชื่อของพวกเขา พวกเขาเข้าใจว่า ความรอด และพระพร เกิดจากความเชื่อที่พวกเขามี

แท้ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ความเชื่อของพวกเขา ที่ทำให้พวกเขารอดพ้นจากทูตแห่งความตาย แต่เป็นพระคุณอันไพบูลย์ของพระเจ้า และพระโลหิตอันล้ำค่าอนันต์ของพระเยซูต่างหาก

ในสมัยนั้นอียิปต์ เป็นศูนย์กลางความเจริญของโลก เรียกได้ว่า ระบบเศรษฐกิจโลกถูกขับเคลื่อนโดยอียิปต์ อียิปต์เป็นภาพสัญลักษณ์อย่างน้อย 3 อย่างในพระคัมภีร์: โลก / ระบบของโลก, ความเป็นทาส / พันธนาการ และ พระเจ้าเทียมเท็จ (อียิปต์เต็มไปด้วยไสยศาสตร์ และคนทำวิทยาคม) กล่าวโดยรวมๆ อียิปต์ คือภาพสัญลักษณ์ของโลก, ซาตาน และอาณาจักรแห่งความมืด


ชีวิตในอียิปต์ของคนอิสราเอล จึงเป็นภาพเล็งถึงชีวิตในความบาป หลังจากที่อาดัมล้มลงในความบาป มนุษย์ทุกคนเป็นทาสของความบาป และอยู่ภายใต้อำนาจของบาป ค่าจ้างของความบาป คือความตาย


รม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา


ก่อนหน้านี้ ได้เกิดภัยพิบัติไปแล้ว 9 ครั้ง แต่ภัยพิบัติทั้ง 9 ไม่ได้ปลดปล่อยคนอิสราเอลออกจากชีวิตการเป็นทาสในอียิปต์ ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นอัศจรรย์ อัศจรรย์ทั้งหลายทั้งปวงในโลก [พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า นักแสดงกลของอียิปต์สามารถทำกลเรียนแบบโมเสสได้] ไม่สามารถจะปลดปล่อยมนุษย์ออกจากชีวิตที่เป็นทาสของความบาป และรอดจากโทษทัณฑ์ของความบาปนั้นได้

สิ่งที่ปลดปล่อย คนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ไม่ใช่ภัยพิบัติ หรืออัศจรรย์ทั้ง 9 แต่เป็นโลหิตของแกะบนวงกบประตู - พระโลหิตของพระเยซูคริสต์



บุตรหัวปีของคนอิสราเอลได้รับการปกป้อง มิใช่เพราะความดีที่พวกเขาทำ แต่ด้วยเลือดแกะเพียงอย่างเดียว พระเจ้าตรัสว่า "เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเว้นเจ้าไป" พระเจ้าไม่ได้บอกว่า "เมื่อเราเห็นเลือด บวกความเข้าใจ, ความพยายาม, ความจริงใจ, ความเชื่อฟัง, ความสัตย์ซื่อ และความเชื่อ ความไม่กลัว เราจะผ่านเจ้าไป" ลองคิด และใคร่ครวญคำพูดของพระเจ้าตรงนี้ดูนะครับ เหมือนไม่มีอะไร แต่ลึกซึ้งจริงๆ 



อะไรจะเกิดขึ้นกับบุตรหัวปีของคนอิสราเอล ถ้าพวกเขา ไม่ทาเลือดไว้ที่วงกบประตู สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ บุตรหัวปีของพวกเขา จะไม่ได้รับการปกป้อง และจะตายตามบุตรหัวปีของคนอียิปต์ไปในที่สุด บุตรหัวปีของพวกเขาได้รับการปกป้อง มิใช่เพราะพวกเขาเป็นคนยิว แต่เพราะโลหิตแกะบนวงกบประตูของพวกเขา




พระเจ้าทรงพูดไว้ชัดเจนว่า "เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเว้นเจ้าไป"


เหตุการณ์สมมุติ ถ้าในค่ำคืนวันนั้น มีครอบครัวคนอิสราเอล 3 ครอบครัว 3 ครอบครัวนี้ ได้ทาเลือดแกะไว้ที่วงกบประตูตามที่พระเจ้าบอก

ครอบครัวแรก พ่อแม่ลูก นั่งคุยกันด้วยความหวาดกลัว เพราะตอนทูตแห่งความตายผ่านเข้ามา บุตรหัวปีของคนอียิปต์ถูกประหาร จะมีเสียงร้องโหยหวน และเสียงร่ำไห้ดังไปทั่ว ลูกถามพ่อว่า "พ่อทาเลือดไว้ที่วงกบหรือยัง?" พ่อตอบว่า "พ่อทาแล้ว" แม่ถามกลับมาว่า "พ่อทาเยอะพอหรือเปล่า?" พ่อตอบ "พ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเยอะพอไหม?" พ่อแม่ลูก ต่างเป็นกังวล ว่าพวกเขาจะรอดไหม? พวกเขารู้สึกไม่มีความมั่นใจเลย พวกเขากลัว ว่าความเชื่อของพวกเขาจะไม่พอ ที่จะทำให้ทูตแห่งความตายผ่านเลยบ้านพวกเขาไป




ครอบครัวที่สอง พ่อแม่ลูก ร้องเพลงนมัสการ สรรเสริญพระเจ้า

ครอบครัวที่สาม ด้วยความเหนื่อยอ่อน พ่อแม่ลูก บ้านนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ และหลับไม่รู้เรื่อง

คำถาม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ครอบครัวไหนจะรอดบ้าง??

คำตอบ ก็คือ รอดทั้งสามครอบครัว เพราะเงื่อนไขมีเพียงข้อเดียวว่า "เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเว้นเจ้าไป" ทั้ง 3 ครอบครัว ได้ทาเลือดแกะไว้ที่ประตู พวกเขาจึงรอด ปลอดภัย ความเชื่อที่พวกเขามี ไม่ได้ทำให้ทูตแห่งความตายผ่านเลยพวกเขาไป เช่นเดียวกัน เสียงนมัสการ สรรเสริญพระเจ้า ก็ไม่ได้ทำให้ทูตแห่งความตายผ่านเลยพวกเขาไป สิ่งที่ทำให้ทูตแห่งความตายผ่านเลยพวกเขาไป มีเพียงสิ่งเดียว สิ่งนั้นก็คือ "พระโลหิตของพระเยซู"

ถ้าเราอ่านต่อไป พระโลหิตพระเยซู ไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเขา รอดจากทูตแห่งความตาย พระโลหิตยังนำมาซึ่งอิสรภาพจากการเป็นทาส และพระพรมากมายทั้งทางด้านการเงิน และสุขภาพ

พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า คนอิสราเอลออกจากอียิปต์พร้อมกับเงินและทองคำ และสุขภาพที่แข็งแรง

สดด 105:37 แล้วพระองค์ทรงนำอิสราเอลออกไปพร้อมกับเงินและทองคำ และไม่มีสักคนหนึ่งในตระกูลของพระองค์ที่อ่อนแอ

ภาพสัญลักษณ์ในบทนี้ ทำให้เราเข้าใจว่า ความรอดมาโดยพระโลหิตของพระเยซู และงานที่สำเร็จแล้วบนไม้กางเขนของพระองค์ จุดโฟกัส จึงอยู่ที่พระโลหิตของพระเยซู - สิ่งที่อยู่ในพระโลหิตของพระองค์ ก็คือ พระคุณ, ความรัก และความดีของพระเจ้าที่มีต่อเรา


หลายครั้งเราผู้เชื่อไปโฟกัสที่ความเชื่อของพวกเรา ว่าความเชื่อของเราพอไหม? ผลที่ตามมาก็คือ พวกเราจะไม่เคยมั่นใจ และสัมผัสกับสันติสุขของพระเจ้า ที่พระเยซูได้มอบให้กับเราเป็นมรดก (ยน 14:27) เนื่องจากเราจะไม่เคยรู้ และแน่ใจได้เลยว่า ความเชื่อที่พวกเรามี เพียงพอแล้วหรือยัง

แต่เมื่อไหร่ ที่จุดโฟกัสของเราเปลี่ยนจากความเชื่อ และการกระทำของเรา ไปที่พระคุณ, ความรัก และความดีของพระเจ้า เมื่อนั้นแหละ รากฐานความเชื่อของเรา จึงจะหนักแน่นและมั่นคง เพราะความเชื่อของเรา ได้หยั่งรากลงบนพระเจ้าผู้ไม่เคยเปลียนแปลง

ความรอดมาโดยความเชื่อในพระคุณ ความรัก และความดีของพระเจ้า วันนั้นที่เราเปิดใจออก ต้อนรับพระเยซูคริสต์ เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด วันนั้นแหละคือวันที่เราได้ทาเลือดแกะไว้ที่วงกบประตู ทูตแห่งความตาย ได้ผ่านเราไป พระโลหิตของพระเยซูได้ปกคลุมอยู่บนชีวิตของเรา พระโลหิตของพระเยซู ได้ทำให้พระเจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา

เมื่อพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา เราจึงมั่นใจได้ว่า สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ดังเช่นสิ่งดีๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับคนอิสราเอล ที่เป็นภาพสัญลักษณ์ในตอนนี้ พวกเขารอดจากการถูกประหาร โดยทูตแห่งความตาย พวกเราได้รับความรอด และมีชีวิตนิรันดร์ ชีวิตนิรันดร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันแรกที่เราต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

คนอิสราเอลได้สัมผัสกับอิสรภาพ หลุดพ้นจากชีวิตการเป็นทาส วันนี้เราเป็นไทแล้วในพระเจ้า เราอยู่ในโลก แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบของโลก ถ้าโลกนี้เข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย พระเจ้าจะเลี้ยงดูเรา ข้อสังเกต พระเจ้าใช้กันดารอาหารใหญ่ของโลก ในการถ่ายโอนความมั่งคั่งของโลก มาให้กับคนของพระองค์ โรคภัยไข้เจ็บประจำตระกูล ที่ถูกส่งต่อมา จะกี่ชั่วอายุคนแล้วก็ตาม จะไม่ถูกส่งต่อมาที่เรา เพราะโลหิตพระเยซูบนชีวิตของเรา ได้ล้างคำสาปแช่งหมดสิ้นจากชีวิตของเรา และให้อิสรภาพกับเราที่จะเดินไปกับพระเจ้า ด้วยความชื่นชมยินดี

พระเจ้ายังอวยพรให้คนอิสราเอลเป็นที่โปรดปรานในสายตาของคนอียิปต์ คนอียิปต์จึงให้สิ่งของทั้งปวงตามที่คนยิวขอ คนยิวออกจากอียิปต์อย่างมั่งคั่ง พวกเขาเป็นเศรษฐี และเศรษฐีณี

อพย 12:35-36  35 ชนชาติอิสราเอลกระทำตามคำสั่งของโมเสสคือ ขอเครื่องเงิน เครื่องทองและเครื่องนุ่งห่มจากชาวอียิปต์ 36 และพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้พลไพร่นั้นเป็นที่โปรดปรานในสายตาของชาวอียิปต์ เขาจึงให้สิ่งของทั้งปวงตามที่เขาขอ เขาจึงได้ริบเอาสิ่งของต่างๆของชาวอียิปต์เสีย


ยังไม่หมด พวกเขายังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย คนอิสราเอลร่วม 3 ล้านคน ไม่มีสักคนอ่อนแอ เจ็บป่วย นี่คืออัศจรรย์ ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเราผู้เชื่อในวันนี้ด้วยเช่นกัน เพราะพระคริสต์ทรงเป็นปัสกาของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น