พี่น้องจำได้ไหมครับ ตอนที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ปีลาตได้ทำแผ่นป้าย และให้ทหารโรมันไปติดไว้เหนือพระเศียรของพระเยซู ข้อความบนแผ่นป้ายนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม มีหลายเหตุการณ์ที่ถูกบันทึก ลงในพระกิตติคุณบางเล่ม ไม่ได้บันทึกทุกเล่ม แต่เหตุการณ์นี้ พระเจ้าตั้งใจบันทึกลงในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม นั่นแสดงว่า พระเจ้ายังต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างที่สำคัญกับเรา
ให้เรามาดูกันว่า พระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มได้บันทึกอะไรไว้บ้าง?
มธ 27:37 และได้เอาถ้อยคำข้อหาที่ลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่งอ่านว่า "ผู้นี้คือเยซูกษัตริย์ของชนชาติยิว"
มก 15:26 มีข้อหาที่ลงโทษพระองค์เขียนไว้ข้างบนว่า "กษัตริย์ของพวกยิว"
ลก 23:38 และมีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ด้วยเป็นอักษรกรีก ลาติน และฮีบรูว่า "ผู้นี้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว"
ยน 19:19-22 19 ปีลาตให้เขียนคำประจานติดไว้บนกางเขน และคำประจานนั้นว่า "เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว" 20 พวกยิวเป็นอันมากจึงได้อ่านคำประจานนี้ เพราะที่ซึ่งเขาตรึงพระเยซูนั้นอยู่ใกล้กับกรุง และคำนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ภาษากรีก และภาษาลาติน 21 ฉะนั้นพวกปุโรหิตใหญ่ของพวกยิวจึงเรียนปีลาตว่า "ขออย่าเขียนว่า `กษัตริย์ของพวกยิว' แต่ขอเขียนว่า `คนนี้บอกว่า เราเป็นกษัตริย์ของพวกยิว'" 22 ปีลาตตอบว่า "สิ่งใดที่เราเขียนแล้วก็แล้วไป"
เพื่อให้ได้ข้อความที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ ให้เราลองรวมข้อความในพระกิตติคุณทั้ง 4 เข้าด้วยกัน
มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน
1. ภาษาที่ใช้เขียน: มี 3 ภาษาด้วยกัน ได้แก่ ภาษาฮีบรู, ภาษากรีก และภาษาลาติน
2. ข้อความที่เขียน: "เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว"
ใน 3 ภาษาที่ข้อความได้ถูกเขียนขึ้น ภาษาที่น่าสนใจ ก็คือ ภาษาฮีบรู เพราะเรารู้ว่า คนยิวใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลัก เราลองมาดูข้อความนี้ ในภาษาฮีบรูกัน เพื่อความง่ายในการเข้าใจ ผมขอเขียนคำฮีบรูออกมาเป็นภาษาอังกฤษนะครับ
Yeshua: Jesus (เยซู)
HaNazarei: of Narareth (ชาวนาซาเร็ธ)
Vemelekh: the King (กษัตริย์)
HaYhudim: of the Jews (ของพวกยิว)
ทีนี้เราพักข้อความข้างบนไว้ก่อน เราย้อนอดีตกลับไปสำรวจพระคัมภีร์เดิม (Old Testament) กันหน่อยนะครับ เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่มากขึ้น
เรามาเริ่มกันที่ข้อแรกสุดของพระคัมภีร์เล่มแรกกันเลยดีกว่า
Gen 1:1-5
1 In the beginning God created the heavens and the earth.
2 The earth was without form, and void; and darkness was on the face of the deep. And the Spirit of God was hovering over the face of the waters.
3 Then God said, "Let there be light"; and there was light.
4 And God saw the light, that it was good; and God divided the light from the darkness.
5 God called the light Day, and the darkness He called Night. So the evening and the morning were the first day.
สิ่งที่เราสังเกตุเห็นในพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 1 ทั้ง 31 ข้อ ผมขออ้างอิงมาให้ดู เพื่อเห็นภาพสัก 5 ข้อละกันนะครับ สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในบทที่ 1 ก็คือ เกือบทุกข้อในบทที่ 1 จะมีการระบุถึงพระนามของพระเจ้าที่ภาษาอังกฤษ แปลออกมาว่า "God"
Gen 2:5, 7-8, 18
5 before any plant of the field was in the earth and before any herb of the field had grown. For the LORD God had not caused it to rain on the earth, and there was no man to till the ground;
7 And the LORD God formed man of the dust of the ground, and breathed into his nostrils the breath of life; and man became a living being.
8 The LORD God planted a garden eastward in Eden, and there He put the man whom He had formed.
18 And the LORD God said, "It is not good that man should be alone; I will make him a helper comparable to him."
ในฉบับแปล New King James จะมีคำที่แปลออกมาว่า LORD อยู่ 2 แบบ คือแบบที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด (Capital Letter) "LORD" หรือใหญ่เฉพาะตัวอักษร ตัวแรก "L-ord"
LORD ตัวใหญ่ทั้งหมด มาจากภาษาฮีบรูว่า "Yahweh (ยาเวห์)" ในขณะที่ Lord ตัวใหญ่เฉพาะอักษร "L (แอล)" มาจากภาษาฮีบรูว่า "Adonai (อาโดนาย)"
Yahweh (ยาเวห์) หรือ Jehovah (เยโฮวาห์) เป็นชื่อของพระเจ้า ให้ความหมายถึงพระเจ้าผู้ทำและรักษาพันธสัญญา ขณะที่ Adonai มีความหมายว่า เจ้านาย
เหตุผลก็เพราะว่า มนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้นในบทที่ 2 นั่นเอง พระนาม Yahweh สะท้อนถึงพระเจ้าที่มีพันธสัญญากับมนุษย์ Yahweh ให้สัมผัสถึงความสนิทสนม ใกล้ชิด สะท้อนถึงความรัก ที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก อยู่ในพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 4
ปฐก บทที่ 4 ข้อ 1 เป็นตอนที่เอวา ได้ตั้งครรภ์ เอวาได้กล่าวว่าพระเจ้าทรงประทานลูกให้กับเธอ เอวาไม่ได้เรียกพระเจ้าว่า Elohim แต่เรียกพระองค์ว่า Yahweh เอวาเรียกชื่อของพระเจ้า แสดงถึงความสนิทสนม
Yahweh เป็นคนปิดประตูเรือให้โนอาห์ ก่อนที่ฝนจะตก และน้ำพลุ่งขึ้นจากบาดาล จนท่วมโลก เราเห็นถึงภาพของพระเจ้าที่คอยดูแล คอยระวังหลังให้โนอาห์
Gen 7:16 So those that entered, male and female of all flesh, went in as God had commanded him; and the LORD shut him in.
ปฐก 7:16 สัตว์ทั้งปวงที่เข้าไปนั้นได้เข้าไปทั้งตัวผู้และตัวเมียตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาแก่ท่าน และพระเยโฮวาห์ทรงปิดประตูให้ท่าน
พี่น้องจำเหตุการณ์ที่หุบเขาเอลาห์ได้ไหมครับ ที่ดาวิดต้องออกไปเผชิญหน้ากับโกลิอัท ประโยคที่ดาวิดพูดกับโกลิอัท ก่อนที่ทั้งสอง จะเริ่มสรรพยุทธกัน ดาวิดบอกกับโกลิอัทว่า ดาวิดออกมาเผชิญหน้ากับโกลิอัทด้วยพระนามของ Yahweh หมายความว่า ดาวิดออกมาเผชิญหน้าโกลิอัทด้วยพันธสัญญาที่เขามีกับพระเจ้า และในวันนี้พระเจ้าแห่งพันธสัญญา (Yahweh) ได้มอบโกลิอัทไว้ในมือของดาวิดแล้ว
1 Sam 17:45-46 45 Then David said to the Philistine, "You come to me with a sword, with a spear, and with a javelin. But I come to you in the name of the LORD of hosts, the God of the armies of Israel, whom you have defied. 46 "This day the LORD will deliver you into my hand, and I will strike you and take your head from you. And this day I will give the carcasses of the camp of the Philistines to the birds of the air and the wild beasts of the earth, that all the earth may know that there is a God in Israel.
ลองอ่านสิ่งที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ซิครับ เยโฮชาฟัท มุ่งแสวงหา Yahweh หลังจากที่พวกเขาแสวงหาพระเจ้าผู้มีพันธสัญญากับพวกเขา (Yahweh) พระวิญญาณของพระเจ้า ได้เสด็จลงมาบนยาฮาซีเอลบุตรเศราริยาห์ และยาฮาซีเอล ได้เผยพระวจนะในข้อ 15 ว่า Yahweh ตรัสว่า "อย่ากลัวเลย เพราะว่าสงครามไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของ Elohim (พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์เดช พระเจ้าผู้สร้างโลก)
2 Chr 20:3-5, 15 3 And Jehoshaphat feared, and set himself to seek the LORD, and proclaimed a fast throughout all Judah. 4 So Judah gathered together to ask help from the LORD; and from all the cities of Judah they came to seek the LORD. 5 Then Jehoshaphat stood in the assembly of Judah and Jerusalem, in the house of the LORD, before the new court, 15 And he said, "Listen, all you of Judah and you inhabitants of Jerusalem, and you, King Jehoshaphat! Thus says the LORD to you: 'Do not be afraid nor dismayed because of this great multitude, for the battle is not yours, but God's.
2พศด 20:3-5, 15 3 และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเยโฮวาห์ และได้ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ 4 และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์เพื่อแสวงหาพระเยโฮวาห์ 5 และเยโฮชาฟัทประทับยืนอยู่ในที่ประชุมของยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ข้างหน้าลานใหม่ 15 และเขาได้พูดว่า "ยูดาห์ทั้งปวง และชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย กับกษัตริย์เยโฮชาฟัทขอจงฟัง พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แก่ท่านทั้งหลายว่า `อย่ากลัวเลย และอย่าท้อถอยด้วยคนหมู่มหึมานี้เลย เพราะว่าการสงครามนั้นไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า
2ทธ 2:13 ถ้าเราไม่เชื่อ พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ เพราะพระองค์จะปฏิเสธพระองค์เองไม่ได้
2 Tim 2:13 If we are faithless, he remains faithful; he cannot deny Himself.
แม้ว่าเราจะผิดสัญญา แต่พระเจ้าจะไม่เคยผิดสัญญาเลย เพราะพระองค์สัตย์ซื่อ อะไรที่พระเจ้าทรงสัญญากับเรา พระองค์รักษาคำพูด คำสัญญาของพระเจ้ามั่นคงและแน่นอนเสมอ
ทันทีที่มนุษย์ล้มลงในความบาป พระเจ้าได้ให้สัญญากับเราถึงการช่วยกู้ ว่าพระองค์จะไถ่พวกเราจากความบาป เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือ ความตาย พวกเราไม่สามารถไถ่ตัวเองได้ พระเจ้าเท่านั้น ที่สามารถช่วยพวกเราได้
ปฐก 3:14-15 14 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่งูนั้นว่า "เพราะเหตุที่เจ้าได้กระทำเช่นนี้ เจ้าถูกสาปแช่งมากกว่าบรรดาสัตว์ใช้งาน และบรรดาสัตว์ในทุ่งนา เจ้าจะเลื้อยไปด้วยท้องของเจ้า และเจ้าจะกินผงคลีดินตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า 15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อสายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะกระทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้าของท่านฟกช้ำ"
หลังจากพระคัมภีร์เดิมเล่มสุดท้าย มาลาคีถูกเขียนเสร็จ เป็นเวลาร่วม 400 ปี ที่ไม่มีการเผยพระวจนะ ไม่มีการสำแดงใดๆ จากพระเจ้าเลย นักศาสนศาสตร์ เรียกช่วงเวลานี้ว่า ช่วงเวลาแห่งความเงียบ (Silent Period) เป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ยากไร้ และขัดสน โยเซฟ สามีนางมารีย์ ซึ่งเป็นเชื้อสายสืบทอดของกษัตริย์ดาวิด ก็อยู่ในสภาพที่ยากไร้
ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะแย่ที่สุด เหมือนว่าพระเจ้าอยู่ไกล หรือหายไป ช่วงเวลานั้นแหละ เป็นช่วงเวลาที่พระเยซูเสด็จมา
พี่น้องที่รัก อาจมีบางช่วงเวลา ที่ท่านต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหา หรือแรงกดดัน อาจมีช่วงเวลาที่ท่านรู้สึกเหมือนว่า พระเจ้าทรงอยู่ไกลออกไปหลายล้านไมล์ หรืออาจมีบางช่วงเวลา ที่ท่านรู้สึกเหมือนพระเจ้าทรงเงียบเหลือเกิน ในช่วงเวลานั้นแหละ เป็นช่วงเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้ท่านที่สุด แท้จริงแล้ว พระองค์ไม่เคยไปไหน พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา พระองค์ทรงเป็น พระเจ้า "อิมมานูเอล" ของเรา
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ 400 ปี ในใจของคนยิว คงมีคำถามมากมายว่า พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน? พระองค์ทิ้งพวกเขาไปแล้วหรือ?
ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงตกต่ำที่สุด ช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์คนยิวเลยก็ว่าได้ ด้านการเมือง การปกครอง พวกเขาได้สูญเสียเอกราช พวกเขาตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน ด้านความเชื่อ ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน ปรกติมหาปุโรหิต จะมีได้แค่คนเดียว แต่ในช่วงเวลานั้น พวกเขามีมหาปุโรหิตถึง 2 คน คือ อันนาส กับคายาฟาส (ลก 3:2) แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำด้านความเชื่อของพวกเขา
ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด พระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงในช่วงนั้น พระเมสสิยาห์ (Messiah) ที่พระเจ้าสัญญาไว้ตั้งแต่ปฐมกาล ทรงเสด็จมาในช่วงเวลานั้น
คำว่า Yahweh ในภาษาฮีบรู ประกอบด้วยตัวอักษร ทั้งหมด 4 ตัว อ่านออกเสียงว่า Yud He Vav He (ภาษาฮีบรู อ่านจากขวาไปซ้าย)
ใน 3 ภาษาที่ข้อความได้ถูกเขียนขึ้น ภาษาที่น่าสนใจ ก็คือ ภาษาฮีบรู เพราะเรารู้ว่า คนยิวใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลัก เราลองมาดูข้อความนี้ ในภาษาฮีบรูกัน เพื่อความง่ายในการเข้าใจ ผมขอเขียนคำฮีบรูออกมาเป็นภาษาอังกฤษนะครับ
Yeshua HaNazarei
Vemelekh HaYhudim
HaNazarei: of Narareth (ชาวนาซาเร็ธ)
Vemelekh: the King (กษัตริย์)
HaYhudim: of the Jews (ของพวกยิว)
ทีนี้เราพักข้อความข้างบนไว้ก่อน เราย้อนอดีตกลับไปสำรวจพระคัมภีร์เดิม (Old Testament) กันหน่อยนะครับ เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่มากขึ้น
ผมขออนุญาติใช้พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษ ฉบับแปล New King James เป็นตัวเดินเรื่องนะครับ เพราะจะมีความชัดเจนกว่าฉบับแปลในภาษาไทยของเรา
เรามาเริ่มกันที่ข้อแรกสุดของพระคัมภีร์เล่มแรกกันเลยดีกว่า
Gen 1:1-5
1 In the beginning God created the heavens and the earth.
2 The earth was without form, and void; and darkness was on the face of the deep. And the Spirit of God was hovering over the face of the waters.
3 Then God said, "Let there be light"; and there was light.
4 And God saw the light, that it was good; and God divided the light from the darkness.
5 God called the light Day, and the darkness He called Night. So the evening and the morning were the first day.
สิ่งที่เราสังเกตุเห็นในพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 1 ทั้ง 31 ข้อ ผมขออ้างอิงมาให้ดู เพื่อเห็นภาพสัก 5 ข้อละกันนะครับ สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในบทที่ 1 ก็คือ เกือบทุกข้อในบทที่ 1 จะมีการระบุถึงพระนามของพระเจ้าที่ภาษาอังกฤษ แปลออกมาว่า "God"
คำว่า "God" คำนี้ คือคำว่า "Elohim (เอโลฮิม)" ในภาษาฮีบรู
คำว่า Elohim ให้ความหมาย ถึงพระเจ้าผู้ทรงสร้าง พระเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด
ข้อน่าสังเกตอยู่ในบทที่ 2 เป็นต้นไป พระนามพระเจ้าในบทที่ 2 เริ่มแตกต่างออกไปจากบทที่ 1 ในบทที่ 1 พระคัมภีร์จะใช้คำว่า "God" คำเดียว แต่มาในบทที่ 2 พระคัมภีร์เริ่มใช้คำ 2 คำว่า "LORD God"
Gen 2:5, 7-8, 18
5 before any plant of the field was in the earth and before any herb of the field had grown. For the LORD God had not caused it to rain on the earth, and there was no man to till the ground;
7 And the LORD God formed man of the dust of the ground, and breathed into his nostrils the breath of life; and man became a living being.
8 The LORD God planted a garden eastward in Eden, and there He put the man whom He had formed.
18 And the LORD God said, "It is not good that man should be alone; I will make him a helper comparable to him."
ในฉบับแปล New King James จะมีคำที่แปลออกมาว่า LORD อยู่ 2 แบบ คือแบบที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด (Capital Letter) "LORD" หรือใหญ่เฉพาะตัวอักษร ตัวแรก "L-ord"
LORD ตัวใหญ่ทั้งหมด มาจากภาษาฮีบรูว่า "Yahweh (ยาเวห์)" ในขณะที่ Lord ตัวใหญ่เฉพาะอักษร "L (แอล)" มาจากภาษาฮีบรูว่า "Adonai (อาโดนาย)"
Yahweh (ยาเวห์) หรือ Jehovah (เยโฮวาห์) เป็นชื่อของพระเจ้า ให้ความหมายถึงพระเจ้าผู้ทำและรักษาพันธสัญญา ขณะที่ Adonai มีความหมายว่า เจ้านาย
หมายเหตุ: คำว่า Yahweh และคำว่า Jehovah ในภาษาฮีบรูเขียนเหมือนกันว่า
יהוה (อ่านว่า Yud He Vav He [ยุด เฮ วา เฮ])
เราสามารถไปที่ Google Translate ที่หน้าเพจของ Google แล้วเลือกแปลภาษาอังกฤษ เป็นภาษาฮีบรู ไม่ว่าเราจะใส่คำว่า Yahweh หรือคำว่า Jehovah เข้าไป เราจะได้ ตัวอักษรฮีบรูคำเดียวกันออกมาว่า Yud He Vav He
(ภาษาฮีบรูอ่านจากขวาไปซ้าย)
ในบทที่ 2 ของพระคัมภีร์ปฐมกาล พระนามพระเจ้าได้ถูกเปลี่ยนจาก Elohim (พระเจ้าผู้สร้าง) เป็น Yahweh Elohim (พระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา) เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพระเจ้าถึงเปลี่ยนพระนามของพระองค์จาก Elohim (พระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง) เป็น Yahweh (พระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา)
เหตุผลก็เพราะว่า มนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้นในบทที่ 2 นั่นเอง พระนาม Yahweh สะท้อนถึงพระเจ้าที่มีพันธสัญญากับมนุษย์ Yahweh ให้สัมผัสถึงความสนิทสนม ใกล้ชิด สะท้อนถึงความรัก ที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก อยู่ในพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 4
Gen 4:1 Now Adam knew Eve his wife, and she conceived and bore Cain, and said, "I have acquired a man from the LORD."
ปฐก 4:1 อาดัมได้สมสู่กับเอวาภรรยาของเขา นางได้ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชื่อคาอิน จึงกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์"
ปฐก 4:1 อาดัมได้สมสู่กับเอวาภรรยาของเขา นางได้ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชื่อคาอิน จึงกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์"
Gen 7:16 So those that entered, male and female of all flesh, went in as God had commanded him; and the LORD shut him in.
ปฐก 7:16 สัตว์ทั้งปวงที่เข้าไปนั้นได้เข้าไปทั้งตัวผู้และตัวเมียตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาแก่ท่าน และพระเยโฮวาห์ทรงปิดประตูให้ท่าน
พี่น้องจำเหตุการณ์ที่หุบเขาเอลาห์ได้ไหมครับ ที่ดาวิดต้องออกไปเผชิญหน้ากับโกลิอัท ประโยคที่ดาวิดพูดกับโกลิอัท ก่อนที่ทั้งสอง จะเริ่มสรรพยุทธกัน ดาวิดบอกกับโกลิอัทว่า ดาวิดออกมาเผชิญหน้ากับโกลิอัทด้วยพระนามของ Yahweh หมายความว่า ดาวิดออกมาเผชิญหน้าโกลิอัทด้วยพันธสัญญาที่เขามีกับพระเจ้า และในวันนี้พระเจ้าแห่งพันธสัญญา (Yahweh) ได้มอบโกลิอัทไว้ในมือของดาวิดแล้ว
ในพระคัมภีร์ พันธสัญญา (Covenant) ต่างกับสัญญา (Contract) ทางธุรกิจตรงที่ พันธสัญญาไม่มีวันหมดอายุ พันธสัญญาจะดำรงอยู่ตราบเท่าที่ชีวิตของผู้ทำพันธสัญญายังดำรงอยู่ ความตายเท่านั้น ที่จะทำให้พันธสัญญาสิ้นสุดลงได้ ถ้าเราทำพันธสัญญากับใครแล้ว เราไม่สามารถเลิกพันธสัญญานั้นได้ ความตายเท่านั้น ที่จะยุติพันธสัญญาลงได้
ดาวิดกล้าที่จะออกไปเผชิญหน้ากับโกลิอัท นักรบอันดับหนึ่งของฟีลิสเตีย เพราะดาวิดรู้ว่า เขามีพันธสัญญากับ Yahweh
1 Sam 17:45-46 45 Then David said to the Philistine, "You come to me with a sword, with a spear, and with a javelin. But I come to you in the name of the LORD of hosts, the God of the armies of Israel, whom you have defied. 46 "This day the LORD will deliver you into my hand, and I will strike you and take your head from you. And this day I will give the carcasses of the camp of the Philistines to the birds of the air and the wild beasts of the earth, that all the earth may know that there is a God in Israel.
1ซมอ 17:45-46 45 แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า "ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้าพเจ้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระเยโฮวาห์จอมโยธา พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทายนั้น 46 ในวันนี้พระเยโฮวาห์จะทรงมอบท่านไว้ในมือข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะประหารท่าน และตัดศีรษะของท่านเสีย และในวันนี้ข้าพเจ้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตียแก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งพิภพนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล
ครั้งหนึ่งคนโมอับ และคนอัมโมน ได้รวบรวมไพร่พล เพื่อจะมาทำสงครามกับกษัตริย์เยโฮชาฟัท โดยกำลังพลแล้ว เยโฮชาฟัทเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และคงไม่สามารถจะต่อกรกับ 2 ทัพข้าศึกได้ พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้อธิษฐานกับ Yahweh
ลองอ่านสิ่งที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ซิครับ เยโฮชาฟัท มุ่งแสวงหา Yahweh หลังจากที่พวกเขาแสวงหาพระเจ้าผู้มีพันธสัญญากับพวกเขา (Yahweh) พระวิญญาณของพระเจ้า ได้เสด็จลงมาบนยาฮาซีเอลบุตรเศราริยาห์ และยาฮาซีเอล ได้เผยพระวจนะในข้อ 15 ว่า Yahweh ตรัสว่า "อย่ากลัวเลย เพราะว่าสงครามไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของ Elohim (พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์เดช พระเจ้าผู้สร้างโลก)
กับคนของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา (Yahweh) ในขณะที่กับข้าศึกศัตรู ที่มุ่งร้ายคนของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็น Elohim (พระเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจไม่จำกัด)
2 Chr 20:3-5, 15 3 And Jehoshaphat feared, and set himself to seek the LORD, and proclaimed a fast throughout all Judah. 4 So Judah gathered together to ask help from the LORD; and from all the cities of Judah they came to seek the LORD. 5 Then Jehoshaphat stood in the assembly of Judah and Jerusalem, in the house of the LORD, before the new court, 15 And he said, "Listen, all you of Judah and you inhabitants of Jerusalem, and you, King Jehoshaphat! Thus says the LORD to you: 'Do not be afraid nor dismayed because of this great multitude, for the battle is not yours, but God's.
2พศด 20:3-5, 15 3 และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเยโฮวาห์ และได้ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ 4 และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์เพื่อแสวงหาพระเยโฮวาห์ 5 และเยโฮชาฟัทประทับยืนอยู่ในที่ประชุมของยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ข้างหน้าลานใหม่ 15 และเขาได้พูดว่า "ยูดาห์ทั้งปวง และชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย กับกษัตริย์เยโฮชาฟัทขอจงฟัง พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แก่ท่านทั้งหลายว่า `อย่ากลัวเลย และอย่าท้อถอยด้วยคนหมู่มหึมานี้เลย เพราะว่าการสงครามนั้นไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า
ผมชอบและประทับใจสิ่งที่พระเจ้าพูด ในพระธรรม 2ทิโมธี
2ทธ 2:13 ถ้าเราไม่เชื่อ พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ เพราะพระองค์จะปฏิเสธพระองค์เองไม่ได้
2 Tim 2:13 If we are faithless, he remains faithful; he cannot deny Himself.
แม้ว่าเราจะผิดสัญญา แต่พระเจ้าจะไม่เคยผิดสัญญาเลย เพราะพระองค์สัตย์ซื่อ อะไรที่พระเจ้าทรงสัญญากับเรา พระองค์รักษาคำพูด คำสัญญาของพระเจ้ามั่นคงและแน่นอนเสมอ
ทันทีที่มนุษย์ล้มลงในความบาป พระเจ้าได้ให้สัญญากับเราถึงการช่วยกู้ ว่าพระองค์จะไถ่พวกเราจากความบาป เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือ ความตาย พวกเราไม่สามารถไถ่ตัวเองได้ พระเจ้าเท่านั้น ที่สามารถช่วยพวกเราได้
ปฐก 3:14-15 14 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่งูนั้นว่า "เพราะเหตุที่เจ้าได้กระทำเช่นนี้ เจ้าถูกสาปแช่งมากกว่าบรรดาสัตว์ใช้งาน และบรรดาสัตว์ในทุ่งนา เจ้าจะเลื้อยไปด้วยท้องของเจ้า และเจ้าจะกินผงคลีดินตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า 15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อสายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะกระทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้าของท่านฟกช้ำ"
หลังจากพระคัมภีร์เดิมเล่มสุดท้าย มาลาคีถูกเขียนเสร็จ เป็นเวลาร่วม 400 ปี ที่ไม่มีการเผยพระวจนะ ไม่มีการสำแดงใดๆ จากพระเจ้าเลย นักศาสนศาสตร์ เรียกช่วงเวลานี้ว่า ช่วงเวลาแห่งความเงียบ (Silent Period) เป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ยากไร้ และขัดสน โยเซฟ สามีนางมารีย์ ซึ่งเป็นเชื้อสายสืบทอดของกษัตริย์ดาวิด ก็อยู่ในสภาพที่ยากไร้
ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะแย่ที่สุด เหมือนว่าพระเจ้าอยู่ไกล หรือหายไป ช่วงเวลานั้นแหละ เป็นช่วงเวลาที่พระเยซูเสด็จมา
พี่น้องที่รัก อาจมีบางช่วงเวลา ที่ท่านต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหา หรือแรงกดดัน อาจมีช่วงเวลาที่ท่านรู้สึกเหมือนว่า พระเจ้าทรงอยู่ไกลออกไปหลายล้านไมล์ หรืออาจมีบางช่วงเวลา ที่ท่านรู้สึกเหมือนพระเจ้าทรงเงียบเหลือเกิน ในช่วงเวลานั้นแหละ เป็นช่วงเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้ท่านที่สุด แท้จริงแล้ว พระองค์ไม่เคยไปไหน พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา พระองค์ทรงเป็น พระเจ้า "อิมมานูเอล" ของเรา
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ 400 ปี ในใจของคนยิว คงมีคำถามมากมายว่า พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน? พระองค์ทิ้งพวกเขาไปแล้วหรือ?
ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงตกต่ำที่สุด ช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์คนยิวเลยก็ว่าได้ ด้านการเมือง การปกครอง พวกเขาได้สูญเสียเอกราช พวกเขาตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน ด้านความเชื่อ ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน ปรกติมหาปุโรหิต จะมีได้แค่คนเดียว แต่ในช่วงเวลานั้น พวกเขามีมหาปุโรหิตถึง 2 คน คือ อันนาส กับคายาฟาส (ลก 3:2) แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำด้านความเชื่อของพวกเขา
ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด พระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงในช่วงนั้น พระเมสสิยาห์ (Messiah) ที่พระเจ้าสัญญาไว้ตั้งแต่ปฐมกาล ทรงเสด็จมาในช่วงเวลานั้น
ทีนี้ ให้เราย้อนกลับไปดูข้อความบนแผ่นป้าย ที่อยู่เหนือพระเศียรของพระเยซูกันอีกสักครั้ง
Yeshua HaNazarei
Vemelekh HaYhudim
ผมขอซูม ให้เห็นชัดๆ อีกทีนะครับ "YHVH"
คำว่า Yahweh ในภาษาฮีบรู ประกอบด้วยตัวอักษร ทั้งหมด 4 ตัว อ่านออกเสียงว่า Yud He Vav He (ภาษาฮีบรู อ่านจากขวาไปซ้าย)
יהוה
อักษรฮีบรูแต่ละตัว สามารถเทียบออกมาได้กับอักษรภาษาอังกฤษ (ดูตารางเปรียบเทียบภาษาข้างล่าง)
Yud คือ ตัวอักษร "Y" / He คือ ตัวอักษร "H" / Vav คือ ตัวอักษร "V" หรือ "W" / He คือ ตัวอักษร "H"
เมื่อรวมตัวอักษรทั้ง 4 เข้าด้วยกัน เราจะได้คำว่า "YHVH" ซึ่งก็คือคำว่า "Yahweh" นั่นเอง เพราะคำว่า Yahweh เขียนด้วยตัวอักษร 4 ตัว Y (Yud) H (He) V (Vav) H (He)
ตอนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เหนือศีรษะของพระองค์ มีแผ่นป้ายแผ่นหนึ่ง เขียนบอกเราว่า "พระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา"
พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญา แม้ว่าการรักษาสัญญาของพระองค์ จะต้องแลกด้วยชีวิตของพระองค์ก็ตาม พระเจ้ารักษาสัญญาเสมอ พระองค์สัญญาแล้ว ว่าจะมาไถ่บาปให้เรา พระองค์ก็มาจริงๆ พระองค์ทรงเป็น Yahweh ของเรา พระเจ้ารักษาสัญญากับเราเสมอ เพราะพระองค์ทรงรักเรา
วันนี้ ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือสถานการณ์ใด ที่ท้าทาย และรบกวนจิตใจของเราอยู่ หรือเรากำลังรอคอยคำตอบบางอย่างจากพระเจ้า ให้เรามองกลับไปที่ภาพพระเยซูบนกางเขน มองกลับไปที่แผ่นป้ายนั้นที่ว่า "พระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา"
อะไรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ในพระวจนะของพระองค์ มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขอให้เรามั่นใจ เชื่อมั่นในความดีของพระองค์ วันนี้ที่พระเจ้าทรงอวยพระพรเรา ไม่ใช่ด้วยความดีที่เราทำ เพราะความดีของเราเป็นเสมือนผ้าขี้ริ้ว แต่พระองค์อวยพระพรเรา เนื่องด้วยความดีที่พระเยซูทรงกระทำ ในฐานะตัวแทนของพวกเรา เพราะพระองค์คือ อาดัมที่ 2 (ตัวแทนของมนุษยชาติ)
ด้วยเหตุนี้เอง พระพรของเราจึงมั่นคงและแน่นอน ถ้าเราต้องอาศัยความดีของเรา เพื่อได้รับพระพร รากฐานของเรา ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ที่ไม่มั่นคงซะแล้ว เพราะเราจะไม่เคยมั่นใจ และแน่ใจได้เลยว่า เราทำดีพอหรือยัง? ขอบคุณพระเจ้า ที่วันนี้พระพรของเราไม่ได้ขึ้นกับความดีของเรา แต่ขึ้นกับความดี และความสัตย์ซื่อของพระองค์ นี่แหละเรียกว่า "พระคุณพระเจ้า"
ในตอนต่อๆ ไป เราจะมาสำรวจพระพรที่พระเจ้าสัญญาจะให้กับเรากัน เพื่อเราจะได้ใช้ความเชื่อ เรียกสิ่งที่ไม่มี ให้มีขึ้น
รม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
ด้วยเหตุนี้เอง พระพรของเราจึงมั่นคงและแน่นอน ถ้าเราต้องอาศัยความดีของเรา เพื่อได้รับพระพร รากฐานของเรา ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ที่ไม่มั่นคงซะแล้ว เพราะเราจะไม่เคยมั่นใจ และแน่ใจได้เลยว่า เราทำดีพอหรือยัง? ขอบคุณพระเจ้า ที่วันนี้พระพรของเราไม่ได้ขึ้นกับความดีของเรา แต่ขึ้นกับความดี และความสัตย์ซื่อของพระองค์ นี่แหละเรียกว่า "พระคุณพระเจ้า"
ในตอนต่อๆ ไป เราจะมาสำรวจพระพรที่พระเจ้าสัญญาจะให้กับเรากัน เพื่อเราจะได้ใช้ความเชื่อ เรียกสิ่งที่ไม่มี ให้มีขึ้น
รม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
พระองค์เป็นพระเจ้าผู้รักษาสัญญาจริงๆ
ตอบลบพระองค์ทรงสถิตอยู่กับเราเสมอ
ตอบลบดีมากได้ความรู้ พระเจ้าทรงนำ ฮาเลลูยา
ตอบลบ