วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

The Valley of Elah, Part 2 God of the Covenant


วันนี้ผมอยากจะเขียนถึงเหตุการณ์ที่หุบเขาเอลาห์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไปจากครั้งที่แล้ว

ขอเท้าความเหตุการณ์ตอนนี้ สักนิดนึงนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ตอนนี้ก็คือ กองทัพอิสราเอล กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพฟีลิสเตียที่หุบเขาเอลาห์ การเผชิญหน้าได้ต่อเนื่องยาวนานมาเป็นเวลาร่วม 40 วัน


ในช่วง 40 วัน ที่สองทัพเผชิญหน้ากัน ยอดทหารกล้าของกองทัพฟีลิสเตีย นามว่า "โกลิอัท" ได้ออกมาท้าทายกองทัพอิสราเอลเช้า-เย็น โกลิอัทได้ท้าทายให้อิสราเอล ส่งยอดทหารกล้า ออกมาดวลกับตัวเอง แบบตัวต่อตัว โดยมีเดิมพันว่า ถ้าใครแพ้ ชนชาติของฝ่ายที่แพ้จะตกเป็นทาสรับใช้ฝ่ายที่ชนะ


หลังจากที่โกลิอัทได้ออกมาท้าทายกองทัพอิสราเอลต่อเนื่องมาเป็นเวลา 40 วัน กองทัพอิสราเอลก็ไม่ได้ส่งใครออกมาดวลกับโกลิอัท พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า คนอิสราเอลหลังจากที่ได้ยินคำท้าทายของโกลิอัท พวกเขาทั้งกลัว และก็ท้อใจ


พวกเราเคยสังเกตุไหมครับ ว่าทำไมคนสองคน ที่ได้ยินข้อความเดียวกัน กลับตอบสนองต่อเหตุการณ์เดียวกันแตกต่างกันลิบลับ?? คนหนึ่ง ตอบสนองด้วยความกลัว และท้อใจ ในขณะที่ อีกคนกลับตอบสนอง ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเชื่อ แสดงผลออกมา เป็นความกล้า ที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคปัญหา

1ซมอ 17:10-11, 24    10 และคนฟีลิสเตียคนนั้นกล่าวว่า "วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล จงส่งคนมาสู้กันเถิด" 11 เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำของคนฟีลิสเตียคนนั้น เขาทั้งหลายก็ท้อใจและกลัวมาก 24 เมื่อบรรดาคนอิสราเอลเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีเขาไป กลัวเขามาก

ที่หุบเขาเอลาห์ ยักษ์โกลิอัท ได้ออกมาตะโกนท้าทายกองทัพอิสราเอล กองทัพอิสราเอลตอบสนองด้วยความกลัว จริงๆ แล้ว ถ้าจะพูดตามพระคัมภีร์ต้องบอกว่า กลัวมาก (ไม่ใช่แค่กลัว พระคัมภีร์ย้ำถึง 2 ครั้ง ว่าคนอิสราเอลกลัวมากในข้อ 11 และข้อ 24) และก็ท้อใจด้วย จริงๆ มีคนหนีไปด้วย


เมื่อดาวิดได้ปรากฏตัวขึ้น ดาวิดได้ยินประโยคเดียวกัน กับที่พี่น้องร่วมชาติของเขาได้ยิน แต่การตอบสนองของดาวิดกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ประโยคที่สร้างความหวาดกลัว และความท้อใจให้กับกองทัพอิสราเอล กลับสร้างความเชื่อ และความฮึกเหิมให้กับดาวิด ทำไมมันเกิดอะไรขึ้น? มีอะไรที่ดาวิดรู้ มีอะไรที่ดาวิดเห็น ในขณะที่กษัตริย์ซาอูล ตลอดจนกองทัพอิสราเอลทุกคน ไม่รู้ และไม่เห็นหรือ??

ให้วันนี้ เราจะมาช่วยกันค้นหาความลับของดาวิดกัน...


1ซมอ 17:36-37  36 ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่" 37 และดาวิดทูลต่อไปว่า "พระเยโฮวาห์ผู้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากเท้าของสิงโตและจากเท้าของหมี จะทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้" ...

ดาวิดเรียกโกลิอัทว่า "คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัต" ประโยคนี้ของดาวิด มีความหมายว่า คนที่ไม่มีพันธสัญญากับพระเจ้า จะมีชัยเหนือคนที่มีพันธสัญญากับพระเจ้าได้อย่างไร! การเข้าสุหนัตเป็นสัญลักษณ์เล็งถึง พันธสัญญาที่พระเจ้ามีต่อคนอิสราเอล


ปฐก 17:10-11  10 นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะรักษาระหว่างเรากับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า คือเด็กผู้ชายทุกคนในท่ามกลางพวกเจ้าจะเข้าสุหนัต 11 เจ้าจะเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า และมันจะเป็นหมายสำคัญแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า

มีคำถามในหมู่นักศาสนาศาสตร์ว่า ทำไมต้องเป็นการเข้าสุหนัต? ทำไมต้องเป็นส่วนนั้นของร่างกาย ไม่เป็นส่วนอื่น? เหตุผลที่นักศาสนาศาสตร์ตอบก็คือ ส่วนนั้น เป็นส่วนที่ทำให้มนุษย์แพร่พันธุ์ การเข้าสุหนัตตรงส่วนนั้น จึงเป็นภาพสัญลักษณ์ ถึงการที่พันธสัญญาของพระเจ้าได้ถูกส่งต่อ จากรุ่นสู่รุ่น ตราบที่คนยิวยังมีลูกหลาน พันธสัญญาของพระเจ้าจะอยู่กับพวกเขาตลอดไป

ถ้าจะว่าไปแล้ว ไม่เพียงแค่ดาวิดที่มีพันธสัญญากับพระเจ้า กษัตริย์ซาอูลตลอดจนกองทัพอิสราเอลทุกคน ต่างก็อยู่ในพันธสัญญากับพระเจ้า แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างดาวิด กับคนอิสราเอลก็คือ ดาวิดเชื่อในพันธสัญญาของพระเจ้า ดาวิดเชื่อว่า พระเจ้าจะไม่เคยผิดสัญญา ดาวิดจึงมั่นใจในพระเจ้า สายตาของดาวิด จึงไม่ได้มองไปที่ความใหญ่โตของร่างกายโกลิอัท, อาวุธยุทธภัณฑ์ที่โกลิอัทสวมใส่ หรือสิ่งที่โกลิอัทพูด สายตาของหนุ่มน้อยดาวิด มองไปที่พันธสัญญาที่พระเจ้ามีกับเขา ถ้าวันนี้เราเชื่อมั่น ในพันธสัญญาของพระเจ้ เหมือนอย่างที่ดาวิดเชื่อ จะไม่มียักษ์ตนไหน จะสามารถ มีชัยชนะเหนือเราได้ ฮาเลลูยา!

ผลของความเชื่อก็คือ ดาวิดกล้าที่จะลงไปเผชิญหน้ากับโกลิอัท ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นยอดทหารกล้าของฟีลิสเตีย ผลของความเชื่อมั่นในพระเจ้า พระเจ้าทรงมอบโกลิอัทไว้ในมือของดาวิด ยอดทหารกล้าหมายเลข 1 ของฟีลิสเตีย จึงต้องล้มลงแทบเท้าของดาวิด

พี่น้องที่รัก ถ้าดาวิดผู้ซึ่งอยู่ภายใต้พันธสัญญาเดิม ยังได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ พวกเราผู้เชื่อ ผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมทางความเชื่อ ภายใต้พันธสัญญาใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่ได้ทำขึ้นบนเลือดแพะเลือดแกะ แต่บนพระโลหิตประเสริฐขององค์พระเยซูคริสต์ เราจะไม่ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่กว่าที่ดาวิดได้รับหรือ??

วันนี้พระเจ้าทรงถามหา "ดาวิดแห่งยุคนี้ ผู้ซึ่งเชื่อมั่นในพันธสัญญาของพระเจ้า" ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ พระเจ้ากับเรามีพันธสัญญาต่อกัน ความจริง คือพระเจ้ามีพันธสัญญากับเรา ประเด็นจึงอยู่ที่เราว่า เราเชื่อในพันธสัญญานั้นหรือไม่? เหมือนอย่างที่ดาวิดเชื่อและมั่นใจ ถ้าเราเชื่อและมั่นใจในพระเจ้า เหมือนอย่างที่ดาวิดเชื่อและมั่นใจ ผลที่จะเกิดขึ้นกับเรา จะยิ่งใหญ่กว่าผลที่เกิดขึ้นกับดาวิดอย่างแน่นอน

วันนี้เราไม่ได้อยู่ภายใต้พันธสัญญาเดิมอีกแล้ว แต่อยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่ แห่งพระคุณพระเจ้า พระคุณคือความโปรดปราน ที่ไม่ได้ขึ้นกับความดี, ความสมควร และสิ่งที่เราทำ พันธสัญญาใหม่ ได้ถูกทำขึ้นระหว่างพระเจ้าพระบิดา กับพระเยซูคริสต์ในฐานะตัวแทนของพวกเรา หัวใจของพันธสัญญาใหม่ ก็คือ พวกเราได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า โดยไม่ขึ้นกับความสมควรของเรา พวกเราได้รับการอวยพร เพราะพระเยซูได้แบกรับเอาความผิดบาปของเราไป

ที่ไม้กางเขนของพระเยซู ได้เกิดการแลกเปลี่ยน คำแช่งสาปที่เป็นของเรา ได้ถูกแลกเปลี่ยนไปเป็นของพระเยซู และพระพรที่เป็นของพระองค์ ได้ถ่ายโอนมาเป็นของเรา

จากงานที่สำเร็จแล้วบนไม้กางเขนของพระเยซู ชัยชนะเหนือยักษ์ทุกตน เป็นของเราแล้วในวันนี้



นี่จึงเป็นข่าวดีอย่างแท้จริง วันนี้พระเจ้าอยากให้เรายืนขึ้นและเผชิญหน้ากับ "ยักษ์" ไม่ว่ายักษ์นั้น จะเป็นอะไรก็ตาม ที่สร้างความหวาดกลัว และความหนักใจให้กับเรา พระเจ้าอยากให้เราเชื่อมั่นในพระองค์ เชื่อในพันธสัญญาที่พระเจ้ามีกับเรา วันนี้พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราแล้ว เนื่องด้วยสิ่งพระเยซูทรงทำให้กับเรา ด้วยความมั่นใจในพระเจ้า ตาของเราจะได้เห็นยักษ์ ที่เหมือนจะยิ่งใหญ่ น่าสะพึงกลัว ล้มลงต่อหน้าเรา และล้มลงแทบเท้าของเรา

"ข้าแต่พระเจ้า ลูกเชื่อ ๆ ในพันธสัญญาของพระองค์"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น