วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Unlocking Psalm 83: Part 1 Asaph's Prophetic Vision


บทความนี้ ไม่ใช่บทความคั่นเวลา แต่เป็นสะพาน ที่จะเชื่อมไปสู่คำพยากรณ์ ที่นักศาสนศาสตร์ เชื่อว่า เป็นชิ้นส่วนที่หายไป ของเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นก่อน คำพยากรณ์ในพระธรรมเอเสเคียล 38

วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงคำพยากรณ์ในพระธรรมสดุดี บทที่ 83

ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรารู้ว่า 2 สัญญาณที่จะต้องเกิดขึ้น ก่อนกองทัพผสมที่มีรัสเซียเป็นแกนนำ จะบุกอิสราเอลก็คือ
1. อิสราเอล ต้องอยู่ในความสงบ ปลอดภัย
2. อิสราเอลจะมั่งคั่งอย่างมากมาย

แต่จากหน้าข่าวทุกวันนี้ มันช่างห่างไกลเหลือเกิน

ประเทศที่เป็นอริของอิสราเอล มีร่างทรง เป็นกองกำลังติดอาวุธ (Proxy Militias) เป็นแขน และเป็นขาให้ ทำให้พวกเขา ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดหน้าออกมาแลก แต่ทำงานผ่านตัวแทนไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ให้ตัวแทนเจ็บ ดีกว่า ตัวเองเจ็บ

จนเมื่อประมาณ 10 ปี+ ที่แล้ว นักศาสนศาสตร์ เริ่มได้รับการสำแดง ถึงคำพยากรณ์ที่ เชื่อได้ว่า จะเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก่อน คำพยากรณ์ใหญ่ในพระธรรมเอเสเคียล 38

ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงคำพยากรณ์ในพระธรรมสดุดี 83

ใจความ และเนื้อหาของคำพยากรณ์ ผมจะขอพูดถึงในบทความตอนต่อไป แต่วันนี้ ผมอยากจะพูดถึง ผู้เขียน พระธรรมสดุดี 83

คำ​อธิษฐาน​ขอ​ทรง​ทำลาย​ศัตรู​ของ​อิสราเอล
บท​เพลง เพลง​สดุดี​ของอาสาฟ

สดด 83:1-18 1 ข้า​แต่​พระ​เจ้า ขอ​อย่า​ทรง​นิ่ง​อยู่ ข้า​แต่​พระ​เจ้า ขอ​อย่า​ทรง​เงียบ​และ​เฉย​อยู่ 2 เพราะ​นี่​แน่ะ ศัตรู​ของ​พระ​องค์​สับสน​อลหม่าน บรรดา​ผู้​ที่​ชัง​พระ​องค์​ได้​ยก​ศีรษะ​ของ​เขา​ขึ้น 3 เขา​วาง​แผนการ​แยบ​คาย สู้​ประชากร​ของ​พระ​องค์ เขา​ปรึกษา​กัน​สู้​ผู้​ที่​พระ​องค์​ทรง​ทะนุ​ถนอม 4 เขา​พูด​ว่า “มา​เถิด ให้​เรา​กวาด​เขา​ออก​จาก​การ​เป็น​ประชาชาติ อย่า​ให้​ระลึก​ถึง​ชื่อ​อิสราเอล​อีก​ต่อไป” 5 เออ เขา​ปอง​ร้าย​เป็น​ใจ​เดียว​กัน เขา​ทำ​พันธสัญญา​สู้​พระ​องค์ 6 คือ เต็นท์​ของ​เอ​โดม​และ​คนยิ​ชมา​เอล โม​อับ​และ​คน​ฮาการ์ 7 เก​บาล อัม​โมน และ​อา​มาเลค ​ฟีลิสเตีย​กับ​ชาว​เมือง​ไท​ระ 8 อัส​ซีเรีย​ก็​สมทบ​เขา​ด้วย เขา​เป็น​แขน​ของ​ลูกหลาน​ของ​โลต 9 ขอ​ทรง​ทำ​กับ​เขา​อย่าง​พระ​องค์​ทรง​กระทำ​กับ​มีเดียน อย่าง​ที่​ทำ​กับ​สิ​เส​รา​และ​ยา​บิน​ที่​แม่น้ำคี​โชน 10 ผู้​ถูก​ทำลาย​ที่​ตำบล​เอน​โดร์ ผู้​กลาย​เป็น​ปุ๋ย​ของ​ที่ดิน 11 ขอ​ทรง​ทำ​ขุน​นาง​ของ​เขา​เหมือน​โอเรบ​และเศ​เอบ ทำ​เจ้านาย​ทั้งสิ้น​ของ​เขา​เหมือนเศ​บาร์​และ​ศาล​มุน​นา 12 ผู้​ที่​กล่าว​ว่า “ให้​เรา​เอา​ทุ่ง​หญ้า​ของ​พระ​เจ้า มา​เป็น​กรรมสิทธิ์​ของ​เรา​เถิด” 13 ข้า​แต่​พระ​เจ้า​ของ​ข้า​พระ​องค์ ขอ​ทรง​ทำ​เขา​ให้​เหมือน​ผง​คลี​ที่​วนเวียน​เหมือน​แกลบ​ต่อ​หน้า​ลม 14 อย่าง​ไฟ​เผา​ผลาญ​ป่า​ไม้ อย่าง​เปลว​เพลิง​ที่​ให้​ภูเขา​ลุก​โพลง 15 ขอ​ทรง​ติดตาม​เขา​ไป​ด้วย​พายุ​ของ​พระ​องค์ และ​ทรง​ทำ​ให้​เขา​คร้าม​กลัว​ด้วย​วาตะ 16 ทรง​ให้​หน้า​ของ​เขา​มี​ความ​อาย ข้า​แต่​พระ​เจ้า เพื่อ​เขา​จะ​ได้​แสวง​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์ 17 ขอ​ให้​เขา​อับ​อาย และ​กลัว​อยู่​เป็น​นิตย์ ให้​เขา​อด​สู​และ​พินาศ​ไป 18 ให้​เขา​ทั้ง​หลาย​ทราบ​ว่า​พระ​องค์​ผู้​เดียว ผู้​ทรง​พระ​นาม​ว่า​พระ​เยโฮวาห์ ทรง​เป็น​ผู้​สูงสุด​เหนือ​แผ่นดิน​โลก​ทั้งสิ้น​ (TBS1971)

พระคัมภีร์บันทึกว่า พระธรรมสดุดี 83 เขียนขึ้นโดยอาสาฟ (Asaph)

ในบทความนี้ เราจะมาตอบคำถามว่า อาสาฟ คือ ใคร?

พระธรรมสดุดี เป็นพระคัมภีร์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นบทเพลง เป็นบทกวี และเป็นคำอธิษฐาน

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ (ไม่รวมผู้เขียนย่อย ที่ไม่เปิดเผยนาม อีกหลายต่อหลายท่าน)

1. กษัตริย์ดาวิด (King David): กษัตริย์ดาวิด เขียนหลายบทในพระคัมภีร์สดุดี อาทิเช่น สดุดี 3, 23 และ 51 เป็นต้น

2. บรรดาบุตรชายของโคราห์ (Sons of Korah): ตระกูลโคราห์ คือตระกูลนักร้อง ประจำวิหารฯ บุตรของโคราห์ฯ เขียนไว้ 11 บท ได้แก่ สดุดี 42, 44-49, 84, 85, 87 และ 88

3. กษัตริย์โซโลมอน (King Solomon): เขียนไว้ 2 บทได้แก่ สดุดี 72 และ 127

4. เฮมาน (Heman): เป็นนักร้อง ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด และซาโลมอน แต่งสดุดี 88

5. เอธาน (Ethan): ผู้เป็นทั้งนักปราชญ์ และนักดนตรีในศาลาของดาวิด (David's Court) แต่งสดุดี 89

6. โมเสส (Moses): เป็นบทเพลงที่ถือว่า เก่าแก่ที่สุดในพระคัมภีร์ ได้แก่ พระธรรมสดุดี 90

มาถึงกลุ่มสุดท้าย ที่เป็นเนื้อหาหลักของบทความวันนี้

7. อาสาฟ (Asaph): อาสาฟ คือ คนเผ่าเลวี เป็นหัวหน้าของคณะนักร้องประสานเสียงประจำวิหาร (Temple Choris) อาสาฟเขียนพระคัมภีร์สดุดี ทั้งหมด 12 บท ได้แก่ สดุดี 50 และ 70-83

โดยบทสุดท้ายที่อาสาฟเขียน ก็คือ พระธรรมสดุดีบทที่ 83

แล้ว อาสาฟ เป็นใคร?

2พศด 29:30 และเฮเซคียาห์พระราชาและเจ้านายก็บัญชา ให้คนเลวีร้องเพลง ยอพระเกียรติพระเจ้าด้วยถ้อยคำของดาวิดและของ อาสาฟผู้ทำนาย และเขาทั้งหลายร้องเพลงยอพระเกียรติด้วยความยินดี และเขาก็กราบลงนมัสการ (TBS1971)

2Chr 29:30 Moreover King Hezekiah and the leaders commanded the Levites to sing praise to the Lord with the words of David and of Asaph the seer. So they sang praises with gladness, and they bowed their heads and worshiped. (NKJV)

พระธรรม 2 พงศาวดาร บทที่ 29 ข้อ 30 บอกให้เรารู้ว่า อาสาฟ ก็คือ ผู้ทำนาย (the seer)

คำว่า ผู้ทำนาย ตรงนี้ คือคำว่า chozeh (kho-zeh') ในภาษาฮีบรู Strong's Exhaustive Concordance ให้ความหมายของคำนี้ว่า ผู้เผยพระวจนะ (Prophet)

คำเดียวกันนี้ ถูกใช้ในพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 30 ข้อ 10 พระคัมภีร์ภาษาไทย ฉบับแปลอมตธรรมร่วมสมัย แปลออกมาได้ตรงกับความหมายในภาษาฮีบรู ในฉบับแปลภาษาอังกฤษ NKJV ก็แปลออกมาได้ดีเช่นกัน

อสย 30:10 พวกเขาบอกผู้ทำนายว่า “อย่าเห็นนิมิตต่างๆ อีกต่อไป!” และบอกผู้เผยพระวจนะว่า “อย่าแจ้งนิมิตถึงสิ่งที่ถูกต้องอีกเลย! ขอให้บอกแต่เรื่องที่น่าฟัง เผยพระวจนะเป็นภาพฝันมายาต่างๆ เถิด (TNCV)
Is 30:10 Who say to the seers, “Do not see,” And to the prophets, “Do not prophesy to us right things; Speak to us smooth things, prophesy deceits. (NKJV)


สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ อาสาฟ ก็คือ ผู้เผยพระวจนะ ที่เป็นนักแต่งเพลง หรือนักดนตรีในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นเอง บทเพลงที่แต่งโดยผู้เผยพระวจนะ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจ และไม่แปลกอะไร ถ้าบทเพลงนั้นๆ จะเป็นทั้งบทเพลง และทั้งคำพยากรณ์ หรือคำเผยพระวจนะ ในเวลาเดียวกัน ดังเช่น บทเพลงในพระธรรมสดุดีบทที่ 83

ความเข้าใจพื้นฐาน ตรงนี้ จะเป็นกุญแจ ให้เราเปิดประตู ไปสู่การตีความคำพยากรณ์ที่ซ่อนอยู่ในสดุดี 83 ในบทความถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น