วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

The Seven "I Am" in the Gospel of John Episode 1: God's Revelation We Need

 


ใน 4 เล่มพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ (The Gospel of Jesus Christ) พระกิตติคุณยอห์น (The Gospel of John) ดูจะแตกต่าง และมีหลายอย่างที่น่าสนใจ พระกิตติคุณมัทธิว, มาระโก และลูกา จะเน้นถึงพันธกิจของพระเยซูคริสต์ในแคว้นกาลิลี (Galilean Ministry) ในขณะที่พระกิตติคุณยอห์น จะเน้นพันธกิจ ยี่สิบเอ็ดวันของพระเยซูคริสต์ในแคว้นยูเดีย (Judean Ministry) ความน่าสนใจของพระกิตติคุณยอห์น ที่ผมอยากจะกล่าวถึงในวันนี้ อยู่ที่ 7 หมายสำคัญที่พระเยซูได้ทรงกระทำ 7 หมายสำคัญนี้ เชื่อมโยง และเกี่ยวข้อง กับการสำแดงของพระเยซูคริสต์ ที่ว่า "เราเป็น (I Am)" วันนี้ เราจะมาร่วมกันแกะรอย 7 หมายสำคัญ 7 การสำแดง "I Am" ของพระเยซูในพระกิตติคุณยอห์น

เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่ของพวกเราได้ถูกใช้ไปในโลก โดยรู้ตัว หรือไม่ก็ตาม ค่านิยม ปรัชญา ความคิด และทัศนคติของโลก ได้แกะติด ปะปนและปลอมปน เข้ามาในชีวิตของเรา เปรียบเสมือนอะไรดีละ เหมือนเราไปอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นและควันบุหรี่ จะรู้ตัว หรือไม่ก็ตาม กลิ่นบุหรี่ ได้แกะติด มาบนเสื้อผ้า หน้า ผมของเรา


ความละเอียดอ่อน และความน่ากลัว อยู่ที่ว่าหลายต่อหลายครั้งปรัชญา ค่านิยม ทัศนคติเหล่านั้น ได้หลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา แบบที่เราเองก็ไม่รู้ตัว


ค่านิยมหนึ่งในโลก ก็คือ ค่านิยมบูชาวัตถุ (Materialism) ผมต้องกล่าวอย่างนี้ก่อน ว่าวัตถุโดยตัวมันเองแล้ว เป็นกลาง มันไม่ได้ดี หรือไม่ดี แต่ทัศนคติที่เรามีต่อพวกมันต่างหาก ที่มีนัยสำคัญ


พระเจ้าไม่ได้ห้าม ให้เราครอบครอง หรือมั่งคั่ง ตรงกันข้าม น้ำพระทัยสมบูรณ์ของพระเจ้า คือให้คนของพระองค์เกิดผล ประสบความเสร็จ มั่งคั่ง และได้ครอบครอง


เมื่อพระเจ้าได้สร้างอาดัม และก่อนที่อาดัมจะล้มลงในบาป พระเจ้าได้อวยพร ให้เขาเกิดผล มีอำนาจเหนือแผ่นดิน และครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตสว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน (ปฐก 1:28)


หัวใจของพระเจ้า คืออวยพรคนของพระองค์ ให้เกิดผล ประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง และครอบครอง ถ้าจะพูดให้ถูก การอวยพรได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากที่เราต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต ที่ไหนมีพระเยซูคริสต์ ที่นั่นมีพระพร


ไว้คราวต่อๆ ไป ในโอกาสที่เหมาะสม ผมจะเขียนถึงเรื่องพระพรของอับราฮัม (The Blessing of Abraham) และจะ List ถึงความสำเร็จของพงศ์พันธุ์อับราฮัม โดยจะเจาะลึก เรื่องของคนยิวให้ฟังนะครับ


ทางขวามือนี่ก็คนนึง และวันนี้ก็เป็นวันเกิดของเขาผู้นี้ด้วย เขาผู้นี้กำลัง HOT เพราะบริษัทของหนุ่มวัย 28 ปี คนนี้ กำลังจะ IPO (กระจายหุ้น เป็นบริษัทมหาชน ในวันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2012) หนุ่มคนนี้ก็คือ Mark Elliot Zuckerberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CEO ของเฟสบุ๊ค (Facebok) นั่นเอง [ภาพประกอบ: Wikipedia]


คนยิวจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม พวกเขาอยู่ภายใต้พระพรของอับราฮัม (The Blessing of Abraham) ที่มาโดยพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับอับราฮัม บรรพบุรุษของพวกเขา


รม 4:13   เพราะว่าพระสัญญาที่ประทานแก่อับราฮัมและผู้สืบเชื้อสายของท่านที่ว่า จะได้ทั้งพิภพเป็นมรดก นั้นไม่ได้มีมาโดยพระบัญญัติ แต่มีมาโดยความชอบธรรมที่เกิดจากความเชื่อ

Rom 4:13 For the promise that he would be the heir of the world was not to Abraham or to his seed through the law, but through the righteousness of faith. (NKJ)

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมประชาชาติเล็กๆ ที่มีเพียงจำนวนเพียงแค่ 0.19% เทียบกับจำนวนประชากรโลก อย่างคนยิว หรือคนอิสราเอล  กลับประสบความสำเร็จมากมาย Far Above and Beyond ประชาชาติอื่นใดบนแผ่นดินโลก - สิ่งที่ทำให้ชนชาตินี้ แตกต่างก็คือ "พันธสัญญา" ที่พระเจ้าสูงสุดมีต่อพวกเขานั่นเอง คอยติดตาม เนื้อเรื่องเจาะลึกตอนต่อๆ ไปในบล็อก Insight Scripture นะครับ


อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะอวยพรคนของพระองค์ พระเจ้าได้บอกกับอับราฮัม ว่าพระองค์จะอวยพระพรอับราฮัม เพื่อที่ว่าอับราฮัมจะได้เป็นพระพรแก่ผู้อื่น 

ปฐก 12:2 เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร

Gen 12:2 I will make you a great nation; I will bless you and make your name great; and you shall be a blessing. (NKJ)



พระสัญญาของพระเจ้า หาได้มีแก่กับอับราฮัมผู้เดียวไม่ แต่ครอบคลุม ถึงเชื้อสายของอับราฮัมด้วย  พระธรรมโรม 4 ข้อ 13 กล่าวไว้อย่างชัดเจน "แก่อับราฮัมและผู้สืบเชื้อสายของท่าน"

ปฐก 22:17   เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์

เชื้อสายของอับราฮัม มี 2 กลุ่ม เม็ดทรายบนฝั่งทะเล และดวงดาวในท้องฟ้า


เม็ดทรายบนฝั่งทะเล (The Sand on the Seashore) เล็งถึง พงศ์พันธุ์ฝ่ายกายภาพของอับราฮัม ซึ่งก็คือ คนอิสราเอล
ดวงดาวในท้องฟ้า (The Stars of the Heaven) เล็งถึง คริสตจักร ที่ภาษาไทยแปลว่า "ท้องฟ้า" ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า "Heaven หรือสวรรค์" ซึ่งก็คือคริสตจักรนั่นเอง เพราะคริสตจักรเป็นเชื้อสายทางฝ่ายวิญญาณ

ถ้าเราสังเกต คำอวยพรของพระเจ้าในพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 12 ข้อ 2 ดีๆ พระเจ้าไม่ได้บอกว่า You shall bless (เจ้าจะอวยพร หรือให้พรแก่คนอื่น) แต่พระเจ้าบอกกับอับราฮัมว่า You shall  "be" a blessing (มีความหมายว่า ตัวของอับราฮัม นั่นแหละ ตัวของเขา จะเป็นพระพรแก่คนอื่น)


มิใช่แค่ตัวของอับราฮัมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมทั้งสองสายด้วย การอวยพรของพระเจ้า อยู่เหนือชีวิตของท่าน พระพรของพระเจ้ามาโดยพระคุณอันไพบูลย์ และความดีของพระองค์ มิใช่จาก ความดีมากมายที่ท่านได้กระทำ


พี่น้องที่รัก "ตัวของท่าน (Your Very Presence)" คือ "พระพร" ท่านไปอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะได้รับพระพรจากพระเจ้า ท่านเชื่ออย่างนั้นหรือไม่? อย่ามองที่สถานการณ์ อย่าเชื่ออย่างที่สถานการณ์บอกกับท่าน แต่ให้มองไปที่พระสัญญาของพระเจ้า และเชื่ออย่างที่พระเจ้าบอกกับท่าน เพราะโดยความเชื่อนั้นเอง จะเรียกสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้น

ผมชอบคำพูดของศิษยาภิบาลท่านหนึ่ง ท่านกล่าวไว้ว่า "เวลามาคริสตจักร ให้เอาสมองมาด้วย ฟังคำเทศนาให้คิด และไตร่ตรองตาม อย่างเพียงแค่ฟัง แล้วรับหมดทุกอย่าง โดยไม่ไตร่ตรอง"

พระเจ้ามีพันธสัญญากับเรา พระองค์ไม่สามารถ จะไม่อวยพรเราได้ เพราะพระเจ้าไม่เคยผิดสัญญา พระองค์บอกว่า You shall be blessing ถ้าเราลอง Meditate พระสัญญาข้อนี้ของพระเจ้าดูดีๆ เราจะไปเป็น "พร" แก่คนอื่นได้อย่างไร ถ้าตัวเราเอง ยังมีไม่พอกิน ชักหน้าไม่ถึงหลัง Living from Pay Cheque to Pay Cheque เจ็บป่วย ออดๆ แอดๆ ตลอดเวลา

No Way Jose!!!

เมื่อก่อนผมเคยมีความคิดว่า ชีวิตของผู้เชื่อ ต้องอยู่อย่างอัตคัด และขัดสน ยิ่ง Suffer มากเท่าไหร่ ยิ่ง Holy ยิ่งแสดงถึงความร้อนรน เอาจริงเอาจังกับพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น แต่มาวันนี้ หลังจากที่พระเจ้าสำแดง ให้ผมได้เข้าใจเรื่องพระคุณพระเจ้า ผมไม่เชื่ออย่างนั้นอีกแล้ว

พี่น้องที่รัก พระคัมภีร์ประกอบไปด้วย 2 พันธสัญญา พันธสัญญาเดิม (Old Covenant) และพันธสัญญาใหม่ (New Covenant) ในพระคัมภีร์ฮีบรู พระเจ้าพูดชัดว่า พันธสัญญาเดิมหมดอายุ และได้ถูกแทนที่ด้วยพันธสัญญาใหม่แล้ว [อ้างอิง: ภาพสัญลักษณ์ ตอนที่ 1 เข้าใจพันธสัญญาทั้งสอง]



เราต้องไม่สับสนเรื่องพันธสัญญาทั้งสอง หลายครั้งผู้เชื่อ เอาเนื้อหาของสองพันธสัญญามาผสมปนเปจนกลายเป็นสิ่งเดียวกัน ความจริงก็คือ เราไม่สามารถเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ ไปใส่ในถุงน้ำองุ่นเก่าได้ เพราะที่สุด เราจะเสียทั้งสองอย่างไป (มธ 9:17)

ขออ้างอิงถึง คำสอนที่อาจารย์เปาโลสอนทิโมธี โดยใช้ฉบับแปล New King James นะครับ เพราะในฉบับแปลภาษาไทย แปลออกมาไม่ตรงกับสิ่งที่อาจารย์เปาโสต้องการสื่อสาร อาจารย์เปาโลสอนให้ทิโมธี แบ่งแยกพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง ระหว่างสองพันธสัญญา

2ทธ 2:15 จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

2 Tim 2:15 Be diligent to present yourself approved to God, a worker who does not need to be ashamed, rightly dividing the word of truth. (NKJ)

แม้พ่อของทิโมธีจะเป็นชาวกรีก เป็นคนต่างชาติ แต่โลอิสคุณยาย และยูนีสแม่ของทิโมธีเป็นคนยิว ที่จริงจังกับพระเจ้า ทั้งสองได้สั่งสอนทิโมธีถึงความเชื่อของคนยิวเป็นอย่างดี


ในยุคคริสตจักรสมัยแรก เราจะสังเกตเห็นว่า ข้อโต้แย้งใหญ่ ที่ทำให้เกิดปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสับสนในเรื่องของพันธสัญญาเดิม กับพันธสัญญาใหม่ อาทิเช่น การเข้าสุหนัต (Circumcision) หรือการรับประทานอาหารที่ถือเป็นมลทิน (Non Kosher Food) ภายใต้พันธสัญญาเดิม


เมื่อทิโมธีจากยิว มารับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทิโมธีมีความเชื่อของยิวในพันธสัญญาเดิมติดตัวมาด้วย เปาโลจีง กำชับทิโมธี เรื่องการใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง โดยการแบ่งแยก พันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่อย่างถูกต้อง ไม่เอามาปนกัน มิเช่นนั้น จะสร้างความสับสนในคริสตจักร


กลับมาที่เรื่องของเราต่อ ผมร่ายมาซะยาว เพื่อจะบอกกับพวกเราว่า พระเจ้าจะอวยพระคนของพระองค์อย่างแน่นอน เราในฐานะผู้เชื่อ ไม่ต้องแสวงหาพระพร แต่แสวงหาพระองค์ แล้วพระองค์นั่นแหละ จะเป็นคนอวยพรเรา ให้เรามีเพียงพอสำหรับตนเอง จริงๆ แล้ว มีมากเกินพอ สำหรับตนเอง และผู้อื่นด้วย และด้วยพระพรมากมาย ที่พระเจ้าอำนวยให้แก่เรา พระสัญญาที่ว่า You shall be blessing จึงจะเป็นจริงได้

โลกนี้พยายามจะบอกกับเรา ว่า "ความมั่งคั่ง" คือคำตอบของทุกอย่าง



พี่น้องจำตอนที่มารมาทดลองพระเยซูได้ไหมครับ? เท่าที่พระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ หนึ่งในสามการทดลอง ที่มารทดลองพระเยซู ก็คือ เรื่อง "ความมั่งคั่ง" พระคัมภีร์มัทธิวบทที่ 4 ข้อ 8 มารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาอันสูงยิ่งนัก และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งเรื่องของราชอาณาจักรเหล่านั้น ให้พระองค์ได้เห็น และมารได้ทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านจะกราบลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน"

มุขของมาร ยังคงเหมือนเดิม มารพยายามทำให้มนุษย์เชื่อว่า "ความมั่งคั่ง" คือคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงได้มีคำกล่าวในโลกว่า "เงินก็คือพระเจ้า" เงิน คือส่วนหนึ่ง เป็น subset ของความมั่งคั่ง

เนื้อหาหลักที่ผมอยากจะพูดถึงในบทความนี้ ก็คือ "เงิน" ไม่ใช่คำตอบของปัญหา และความท้าทายทั้งหลายทั้งปวง ที่เรากำลังเผชิญ มาร และโลก พยายามทำให้เราเชื่อว่า "เงิน" คือคำตอบ และถ้าเรามี "เงิน" มาก เราจะสามารถแก้ปัญหาหลายๆ อย่างได้ เราจะมีชีวิต ความเป็นอยู่ที่มีความสุขมากขึ้น มาร พยายามจะเชื่อมเงินเข้ากับความสุข

แต่ความจริงก็คือ เงิน ไม่ใช่คำตอบ สิ่งที่พวกเราต้องการ ในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงที่เราต้องเผชิญหน้ากับการทดลอง และความท้าทายก็คือ "การสำแดงที่สดใหม่จากพระเจ้า (Fresh Revelation from God)" หลังจากที่เราได้รับการสำแดงที่สดใหม่จากพระเจ้า คำตอบของปัญหา ตลอดจนการจัดสรร (Provision) และอุปทาน (Supply) ที่เราต้องการ จะไหลตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง การงาน ครอบครัว สุขภาพ ฯลฯ

การสำแดงที่สดใหม่จากพระเจ้านี้ จะช่วยให้เรา มีชัยชนะเหนืออุปสรรคปัญหา ความท้าทายได้อย่างไรกัน? และมันเกี่ยวข้องอะไรกับ การสำแดง "I Am" ของพระเยซูคริสต์ ร่วมค้นหาคำตอบร่วมกันในตอนต่อไป...

Stay Tune นะครับ

1 ความคิดเห็น: