เรามาเริ่มกันที่ ที่มาที่ไปของเลอาห์ก่อนเลยละกัน ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน?
เลอาห์ เป็นลูกสาวคนโตของลาบัน และเป็นพี่สาวของราเชล (นางในฝันของยาโคบ) หลังจากที่ยาโคบ หลอกขโมยเอาพระพรสิทธิบุตรหัวปีไปจากเอซาว เอซาวโกรธมาก และตั้งใจจะกำจัดยาโคบซะ
เรเบคาห์มารดา เลยให้ยาโคบหนีไปอยู่กับลาบันพี่ชายของตน เมื่อยาโคบเดินทางไปถึงเมืองตะวันออก ที่อยู่ของลาบัน ยาโคบได้พบกับสาวงามนางหนึ่ง นามว่า ราเชล ยาโคบตกหลุมรักราเชล ตั้งแต่แรกพบ ยาโคบตกลงทำงานรับใช้ลุงลาบันเป็นเวลา 7 ปี เพื่อให้ได้แต่งงานกับราเชล
เมื่อครบกำหนด 7 ปี ลุงดันโกงยาโคบ ส่งเลอาห์เข้าห้องหอแทนราเชล ลุงให้เหตุผลกับยาโคบว่า เป็นธรรมเนียม ที่ต้องให้พี่สาวแต่งก่อนน้อง ลุงยื่นเงื่อนไข ให้ยาโคบทำงานรับใช้ลุงต่ออีก 7 ปี ถ้ายาโคบตกลง อีก 7 วัน หลังจากแต่งงานของยาโคบกับเลอาห์ ลุงจะยกราเชลให้กับยาโคบ
ยาโคบตกลงรับเงื่อนไขลุงโดยไม่คิดมาก เพราะยาโคบรักราเชล พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างชัดเจน ว่ายาโคบรักราเชลมากกว่าเลอาห์ ด้วยเหตุผลฝ่ายวิญญาณที่ว่า ราเชลหน้าตาสวยกว่าเลอาห์
ปฐก 29:17-18 17 นางสาวเลอาห์นั้นตายิบหยี แต่นางสาวราเชลนั้นสละสลวยและงามน่าดู 18 ยาโคบก็รักนางสาวราเชล และพูดว่า "ข้าพเจ้าจะรับใช้การงานให้ท่านเจ็ดปี เพื่อได้ราเชลบุตรสาวคนเล็กของท่าน"
ถึงตรงนี้ คนที่น่าสงสารที่สุด ก็คือ เลอาห์ เลอาห์รู้ตัวดีมาตลอดว่า ตนไม่ใช่สตรีที่ยาโคบรัก ยาโคบแต่งงานกับเธอ เพราะโดนพ่อเธอหลอก
ถึงตรงนี้ เลอาห์ คงรู้สึกถึงปมด้อย ว่าตัวเองหน้าตาไม่สวย และสามีก็ไม่รักเธอ เลอาห์ก็คงเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป ที่ปรารถนาจะได้รับความรักจากสามี เลอาห์ คิดหาวิธีที่จะทำให้เธอได้รับความรัก และความสนใจจากสามี เรื่องของเลอาห์จึงเริ่มจะมงกุฏดอกส้ม และก็ดอกส้มสีทอง
วิธีที่เลอาห์เลือกใช้ก็คือ มีลูกกับสามี เธอหวังว่า ถ้าเธอมีลูกกับยาโคบ ยาโคบจะรัก และให้ความสนใจกับเธอ ความน่าสนใจของเลอาห์อยู่ตรงนี้ วันนี้ผมอยากจะพูดถึงข้อคิดจากชีวิตของเลอาห์ ผ่าน ลูกชาย 4 คนแรกของเธอ
แผนของเลอาห์ เหมือนจะประสบความสำเร็จ เธอมีลูกกับยาโคบรวดเดียว 3 คน คือ รูเบน, สิเมโอน และก็เลวี
ความน่าสนใจ อยู่ที่ชื่อลูกของเธอ เลอาห์ได้ระบายความรู้สึกในใจของเธอ ผ่านทางชื่อลูกที่เธอตั้ง
ปฐก 29:32-34 32 นางเลอาห์ตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย และตั้งชื่อว่ารูเบน ด้วยนางว่า "เพราะพระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพเจ้าแน่ๆ บัดนี้สามีจึงจะรักข้าพเจ้า" 33 นางเลอาห์ตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่งและว่า "เหตุพระเยโฮวาห์ทรงได้ยินว่าข้าพเจ้าเป็นที่ชัง พระองค์จึงทรงประทานบุตรชายคนนี้ให้แก่ข้าพเจ้าด้วย" นางตั้งชื่อเขาว่า สิเมโอน 34 นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่ง และกล่าวว่า "ครั้งนี้สามีจะสนิทสนมกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้คลอดบุตรเป็นชายสามคนให้เขาแล้ว" เหตุนี้จึงตั้งชื่อเขาว่า เลวี
ลูกคนแรก "รูเบน" มีความหมายความว่า "ดูลูกชาย บัดนี้สามีจะรักข้าพเจ้า"
ลูกคนที่สอง "สิเมโอน" มีความหมายว่า "ได้ยิน"
ลูกคนที่สาม "เลวี" แปลว่า "ผูกติด (attachment)"
ตอนมีลูก 3 คนแรก แรงจูงใจของเธอ คือเรียกร้องหาความรักจากสามี ยิ่งเธอโหยหามากเท่าไหร่ สิ่งที่เธอได้รับก็คือ ความผิดหวัง ชื่อรูเบน เป็นการแสดงออกถึงความอัดอั้นของเธอ ถ้าจะแปลชื่อของรูเบน แบบบ้านๆ ก็คือ "นี่ไงลูกชาย สามีจะรักข้าพเจ้า"
ชื่อของ สิเมโอน แปลว่า "ได้ยิน" เธอต้องการสื่อว่า นี่ไงพระเจ้าฟังเธอ เหตุผลที่ลึกลงไป ว่าทำไมเธอตั้งชื่อลูกอย่างนั้น ก็เพราะเธอรู้สึกว่า ยาโคบไม่รักเธอ จริงๆ แล้ว พระคัมภีร์ใช้คำว่า "ชัง" ไม่ใช่แค่ไม่รัก พอเธอได้ลูกคนที่สอง เธอเลยระบายความอัดอั้นออกมาว่า "สิเมโอน แปลว่า พระเจ้าฟังเธอ"
มาถึงลูกคนที่สาม เลวี ความหมายจัดเต็มมาก เลวี แปลว่า ผูกติด เมื่อมีเลวี เธอคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า คราวนี้แหละ ยาโคบจะถูกผูกติดอยู่กับเธอ พระคัมภีร์ภาษาไทย แปลว่า "สนิทสนม" แต่จริงๆ แล้ว ความหมายที่ถูกต้อง ที่แปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษ คือคำว่า "attached" แปลว่า "ผูกติด" เธอฝากความหวังเต็มเปี่ยมไว้กับลูกคนที่สาม เลวี ว่าคราวนี้แหละ สามีจะถูกผูกติดอยู่กับเธออย่างแน่นอน
ผลที่เธอได้รับ ก็คือความผิดหวัง พี่น้องที่รัก มีหลายครั้ง ที่เราผูกความหวัง อนาคตของเรา ไว้กับบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ, สามี, ภรรยา, หน้าที่การงาน, เงินในบัญชี หรือจะอะไรก็ตาม เราหวังว่า สิ่งเหล่านั้น จะเติมเต็ม จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น และครบสมบูรณ์ เลอาห์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ไม่จริง
ผมไม่ได้หมายความว่า สิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งไม่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด สิ่งเหล่านั้น ในตัวมันเองแล้ว เป็นกลาง ไม่ได้ดี หรือไม่ดีในตัวมันเอง มากไปกว่านั้น สิ่งเหล่านั้น อาจเป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้กับเรา เหมือนที่เลอาห์บอกว่า พระเจ้าฟังเธอ ประทานลูกให้กับเธอ
ประเด็นอยู่ตรงที่ เราถูกสร้างมาเพื่อมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า มีแต่พระเจ้าเท่านั้น ที่จะเติมเต็ม ความต้องการที่ลึกที่สุดในชีวิตของเราได้ ที่สำคัญที่สุด พระเจ้ารัก และสนใจรายละเอียดในชีวิตของเรา แม้เรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อย พระองค์ก็สนใจ
ในพันธสัญญาใหม่ พระเจ้าสัญญากับเราแล้วว่า พระองค์จะดูแลเรา พระเยซูสอนเราว่า อย่ากระวนกระวาย อย่าให้ใจเราเป็นทุกข์ว่าจะเอาอะไรกิน หรือเอาอะไรดื่ม แต่ให้เราวางใจในพระเจ้า ขอให้เรามั่นใจในพระเจ้า โดยความเชื่อในงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ ความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่บนชีวิตของเรา อะไรที่เราจับต้อง เราจะเห็นการอวยพรจากพระเจ้า พระเจ้าจะอวยพรให้เรามีมากเกินพอ เพราะนี่เป็นสไตล์ของพระองค์
กลับมาที่เรื่องของเลอาห์กันต่อนะครับ ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมว่า ลูกจะทำให้สามีรักเธอ จนแล้วจนรอด เธอต้องผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างน้อยถึงตรงนี้ก็น่าจะผิดหวังต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปีได้ (มีลูกปีละคน 3 คนก็ 3 ปี) เลอาห์เหมือนจะคิดได้ จุดโฟกัส ของเธอเริ่มเปลี่ยนจากยาโคบ ที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตเธอมาเป็นพระเจ้า
หลังจากเลวี เลอาห์มีลูกกับยาโคบอีกคน คราวนี้เธอตั้งชื่อลูกว่า "ยูดาห์" มีความหมายว่า "ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้า" สิ่งที่เปลี่ยนไปตรงนี้ คือจุดโฟกัสของเธอ
ชื่อลูก 3 คนแรก ชัดเจนว่าใจของเธอจดจ่ออยู่กับตัวเอง จดจ่อและโหยหาความรักของยาโคบ แต่ ณ จุดนี้ของเวลา จุดสนใจของเธอ ได้ย้ายจากยาโคบไปที่พระเจ้า
ปฐก 29:35 นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่ง นางกล่าวว่า "ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเยโฮวาห์" เหตุนี้นางจึงตั้งชื่อเขาว่า ยูดาห์ ต่อไปนางก็หยุดมีบุตร
Gen 29:35 And she conceived again and bore a son, and said, "Now I will praise the LORD." Therefore she called his name Judah. Then she stopped bearing. (NKJ)
คำว่า LORD ตรงนี้ คือคำว่า Yahweh มีความหมายถึง พระเจ้าผู้รักษาพันธสัญญา ณ ตรงนี้ เลอาห์หันไปหาพระเจ้า เธอมองไปที่พันธสัญญาของพระเจ้า แทนยาโคบสามีของเธอ
พี่น้องรู้ไหมครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้?
ผมขอจบบทความนี้ ด้วย 2 เหตุการณ์
เรื่องแรก พระเจ้าเลือกเผ่ายูดาห์ เป็นเผ่าที่พระเมสสิยาห์มาประสูติ พระเยซู ทรงเป็นสิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ (The Lion of Judah)
เรื่องที่สองสุดท้าย อยู่ในประโยคสั่งเสีย ประโยคสุดท้ายที่ยาโคบได้สั่งเสียพวกลูกๆ ประโยคนี้มีความน่าสนใจมาก พระคัมภีร์ใช้คำว่า ยาโคบ "กำชับ" ลูกๆ ให้ฝังเขาไว้ในที่ที่ยาโคบฝังเลอาห์ พูดง่ายๆ ก็คือ ยาโคบบอกให้ลูกๆ ฝังเขาไว้ในที่เดียวกับเลอาห์ ยาโคบน่าจะบอกว่า ฝังเขาไว้ร่วมกับราเชล แต่ชื่อสุดท้ายที่ยาโคบเอ่ยถึง ก็คือเลอาห์ ถึงเวลานี้ เรารู้แล้วว่า ยาโคบรักเลอาห์
ปฐก 49:29-31 29 ยาโคบกำชับเขาและกล่าวแก่เขาว่า "เราจะไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเรา จงฝังเราไว้กับบรรพบุรุษของเราในถ้ำที่นาของเอโฟรนคนฮิตไทต์ 30 ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อมัคเป-ลาห์ หน้ามัมเรในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งอับราฮัมได้ซื้อกับนาของเอโฟรนคนฮิตไทต์ไว้เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสุสาน 31 ณ ที่นั่น เขาฝังศพอับราฮัม และซาราห์ภรรยาของเขา ที่นั่นเขาได้ฝังศพอิสอัคและเรเบคาห์ภรรยาของเขา และที่นั่นเราฝังศพเลอาห์
พี่น้องที่รัก หลายอย่างในชีวิต เราพยายามจะไขว่คว้ามันด้วยสุดกำลัง แต่ยิ่งเราพยายามเท่าไหร่ เรากลับไม่ได้มัน ตรงกันข้าม สิ่งที่เราแสวงหา เหมือนจะบินหนีเราไป ยิ่งเราพยายามไขว่คว้า เรากับยิ่งไม่ได้มัน เนื่องจากกำลังของเรามีจำกัด เรี่ยวแรงของเราก็มีจำกัด และเวลาของเราก็มีจำกัดด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตของเลอาห์ก็คือ ยิ่งเธอพยายามไขว่คว้า เธอกลับไม่ได้มัน เธอกลับต้องเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วก็ซ้ำอีก แต่จุดเปลี่ยนของทุกอย่าง อยู่ในจังหวะที่เธอหันกลับมาหาพระเจ้า หันกลับมามองที่พันธสัญญาของพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนจะหมุนกลับเข้าที่เข้าทาง พระเจ้าสามารถทำได้ในหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เกินความคิด และเกินความเข้าใจของเรา
อฟ 3:20 บัดนี้ ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์สามารถกระทำสารพัดมากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่ประกอบกิจอยู่ภายในตัวเรา
ในพระคัมภีร์เอเฟซัส บทที่ 3 ข้อ 20 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่คริสเตียนหลายๆ คนชอบ แต่จริงๆ แล้ว เคล็บลับของการ จะมีประสบการณ์ในข้อ 20 ได้ถูกซ่อนอยู่ในบริบทเดียวกัน ข้อ 17-19 ได้บอกถึงเคล็ดลับนั้น ข้อ 20 คือผลของเคล็บลับดังกล่าว เคล็ดลับนั้นก็คือ
อฟ 3:17-19 17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านโดยความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว 18 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับวิสุทธิชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความลึก ความสูง 19 และให้เข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
เคล็ดลับ ของการดำเนินชีวิตคริสเตียนก็คือ การรู้ มั่นใจ และเชื่อมั่นในความรักของพระเจ้า อาจารย์เปาโล ได้สอนเคล็ดลับนี้กับคริสตจักรเอเฟซัส ความกว้าง ยาว ลึก สูง ก็คือ ภาพของไม้กางเขน เมื่อไหร่ที่เราเริ่มตระหนักว่า พระเจ้ารักเรา และเราเชื่อในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เมื่อนั้นเราจะเริ่มมีประสบการณ์ในข้อ 20
Eph 3:20 Now to Him who is able to do exceedingly abundantly above all that we ask or think, according to the power that works in us, (NKJ)
ไม่มีคำว่า สายเกินไป ขอให้เรากลับมา กลับมาหาพระเจ้า ไม่ว่าความผิดพลาดในชีวิตของเรา จะเป็นอะไร พระเจ้าสามารถรื้อฟื้น และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ เพราะว่าพระองค์ทรงฤทธิ์ สามารถกระทำสิ่งสารพัด มากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้
เอเมน พระเจ้าเป็นความหวังและคำตอบของเรา
ตอบลบ