วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

Methuselah




ชื่อของเมธูเสลาห์ (Methuselah) เป็นชื่อที่คริสเตียนหลายๆ คน อาจไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่นัก? เนื่องจากชายผู้นี้ปรากฏตัวอยู่ในข้อพระคัมภีร์เพียงแค่ 7 ข้อเท่านั้น หากแต่การปรากฏตัวน้อยครั้งของเขา กลับซ่อนความลับ เอาไว้หลายต่อหลายอย่าง โดยเฉพาะคำพยากรณ์ที่เกี่ยวพระเยซูคริสต์ ตลอดจนคำพยากรณ์ในยุคสุดท้าย และวันนี้เราจะมาร่วมกันแกะรอย และไขความลับที่ซ่อนอยู่ของชายผู้นี้กัน

พระคัมภีร์ปฐมกาล ถือเป็นพระคัมภีร์เล่มโปรดของผมเลยทีเดียว เพราะพระคัมภีร์ปฐมกาล นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างแล้ว พระคัมภีร์ปฐมกาลยังได้ซ่อนฉากจบของทุกอย่าง เอาไว้ภายใต้ภาพสัญลักษณ์ (Typology) หลายๆ ภาพอีกด้วย เรียกได้ว่า อ่านปฐมกาลจบ เราจะเห็นภาพรวมของทุกอย่าง ว่ามันเริ่มขึ้นอย่างไร และมันจะจบลงอย่างไร? วันนี้เราจะมาร่วมกัน ไขภาพความลับ ที่ซ่อนเอาไว้ ในเรื่องราวของเมธูเสลาห์ ชายผู้ซึ่งมีอายุยืนยาวที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

ไม่มีอะไรที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์แล้วจะไม่มีสาระสำคัญ ทุกๆ เรื่องที่พระเจ้าบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ จะมีบางอย่างที่พระเจ้าอยากจะสื่อสารกับเรา

ตลอดเล่มพระคัมภีร์ ทั้งสองพันธสัญญาฯ ชื่อของเมธูเสลาห์ปรากฏอยู่ใน 3 เล่มพระคัมภีร์ด้วยกัน โดยชื่อของเขาถูกเอ่ยถึงทั้งหมด 7 ครั้ง 5 ใน 7 ครั้ง ถูกเอ่ยถึงในพระคัมภีร์ ปฐก 5:21-22, 25-27 ส่วนอีก 2 ครั้งที่เหลือถูกเอ่ยถึงในพระคัมภีร์ 1พศด 1:3 และก็ใน ลก 3:37

การปรากฎตัวของเขาใน 5 ข้อ ของพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าไปแล้วพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 เป็นบทที่มักจะถูกมองข้าม เพราะเนื้อหาของบทที่ 5 เป็นเรื่องลำดับพงศ์พันธุ์เชื้อสายอาดัม ผู้เชื่อหลายๆ คน ก็มักจะอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้แบบผ่านๆ โดยหารู้ไม่ว่า พระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 เป็นบทที่น่าตื่นเต้นที่สุดบทนึงของพระคัมภีร์ทั้ง 66 เล่มเลยทีเดียว

เรามาดูเนื้อหาพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 กันสักหน่อยนะครับ เพื่อเราจะเห็นภาพรวมของพระคัมภีร์ตอนนี้กัน
ปฐก 5:1-32 1 ต่อไปนี้เป็นหนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์นั้น พระองค์ทรงสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า 2 พระองค์ทรงสร้างเป็นชายและหญิงแล้วทรงอำนวยพระพรแก่เขา และทรงเรียกว่ามนุษย์ในวันที่พระองค์ได้ทรงสร้างนั้น 3 เมื่ออาดัมอยู่มาได้ร้อยสามสิบปี จึงมีบุตรชายคนหนึ่งตามอย่างตามฉายาของเขาชื่อเสท 4 ตั้งแต่อาดัมมีบุตรคือเสทแล้ว ก็มีอายุอีกแปดร้อยปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 5 รวมอายุของอาดัมได้เก้าร้อยสามสิบปีจึงสิ้นชีวิต 6 เสท อยู่มาได้ร้อยห้าปีจึงมีบุตรชายชื่อ เอโนช 7 ตั้งแต่เสทมีบุตรคือเอโนชแล้ว ก็มีชีวิตอีกแปดร้อยเจ็ดปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 8 รวมอายุเสทได้เก้าร้อยสิบสองปีจึงสิ้นชีวิต 9 เอโนชอยู่มาได้เก้าสิบปีจึงมีบุตรชื่อเคนัน 10 ตั้งแต่เอโนชมีบุตรคือเคนันแล้ว ก็มีชีวิตอีกแปดร้อยสิบห้าปีมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 11 รวมอายุเอโนชได้เก้าร้อยห้าปีจึงสิ้นชีวิต 12 เคนันอยู่มาได้เจ็ดสิบปีจึงมีบุตรชื่อมาหะลาเลล 13 ตั้งแต่เคนันมีบุตรคือมาหะลาเลลแล้ว ก็มีชีวิตอีกแปดร้อยสี่สิบปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 14 รวมอายุเคนันได้เก้าร้อยสิบปีจึงสิ้นชีวิต 15 มาหะลาเลลอยู่มาได้หกสิบห้าปี จึงมีบุตรชื่อยาเรด 16 ตั้งแต่มาหะลาเลลมีบุตรคือยาเรดแล้ว ก็มีชีวิตอีกแปดร้อยสามสิบปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 17 รวมอายุมาหะลาเลลได้แปดร้อยเก้าสิบห้าปีจึงสิ้นชีวิต 18 ยาเรดอยู่มาได้ร้อยหกสิบสองปีจึงมีบุตรชื่อเอโนค 19 ตั้งแต่ยาเรดมีบุตรคือเอโนคแล้ว ก็มีชีวิตอีกแปดร้อยปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 20 รวมอายุยาเรดได้เก้าร้อยหกสิบสองปีจึงสิ้นชีวิต 21 เอโนคอยู่มาได้หกสิบห้าปี จึงมีบุตรชื่อเมธูเสลาห์ 22 ตั้งแต่เอโนคมีบุตรคือเมธูเสลาห์แล้ว ก็ดำเนินกับพระเจ้าสามร้อยปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 23 รวมอายุเอโนคได้สามร้อยหกสิบห้าปี 24 เอโนคดำเนินกับพระเจ้า แล้วหายหน้าไป เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป 25 เมธูเสลาห์อยู่มาได้ร้อยแปดสิบเจ็ดปี จึงมีบุตรชายชื่อลาเมค 26 ตั้งแต่เมธูเสลาห์มีบุตรคือลาเมคแล้ว ก็มีชีวิตอีกเจ็ดร้อยแปดสิบสองปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 27 รวมอายุเมธูเสลาห์ได้เก้าร้อยหกสิบเก้าปีจึงสิ้นชีวิต 28 ลาเมคอยู่มาได้ร้อยแปดสิบสองปี จึงมีบุตรชายคนหนึ่ง 29 เขาตั้งชื่อบุตรว่า โนอาห์ กล่าวว่า ''ผู้นี้จะช่วยแบ่งเบาการงานเรา และช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยยากจากมือเรา จากที่ดินซึ่งพระเจ้าทรงแช่งสาปไว้'' 30 ตั้งแต่ลาเมคมีบุตรคือโนอาห์แล้ว ก็มีชีวิตอีกห้าร้อยเก้าสิบห้าปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 31 รวมอายุลาเมคได้เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดปีจึงสิ้นชีวิต 32 โนอาห์มีอายุได้ห้าร้อยปี จึงมีบุตรชายชื่อเชม ฮามและยาเฟท
เมื่อผมอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ มีจุดที่น่าสนใจ และกระตุกความคิดผมอยู่ประมาณ 3 อย่าง

(1) ทำไมพระเจ้าต้องให้รายละเอียด ว่าใครเป็นลูกใคร ใครเป็นพ่อใคร ตลอดจนบอกรายละเอียดว่า เขาคนนั้น มีลูกตอนอายุเท่าไหร่ และตายตอนอายุเท่าไหร่? เหมือนราวกับว่า พระเจ้ากำลังจะบอกอะไรกับเราอย่างไงอย่างงั้นเลย

(2) เอ๋ เอโนค (Enoch) พ่อของเมธูเสลาห์ (Methuselah) ไม่ตายนี่หน่า? พระเจ้ารับเขาไปเลย (ข้อ 24)

(3) เมธูเสลาห์ มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ น่าสนใจ น่าสนใจ
และในบทความนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจทั้ง 3 ข้อของผมกัน

เรามาดูประเด็นที่สอง เรื่องของเอโนคกันก่อน



ปฐก 5:24 เอโนคดำเนินกับพระเจ้า แล้วหายหน้าไป เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป

เอโนคเป็นมนุษย์คนแรกที่ไม่ตาย แต่พระเจ้าทรงรับเขาไป เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมนึกถึงคำสอนเรื่องที่ว่า พระเยซูจะกลับมารับผู้เชื่อ ไปอยู่กับพระองค์ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Rapture" นั่นแหละครับ


นักศาสนศาสตร์ มีความเห็นแตกต่างกันออกไป ในเรื่องของเวลาว่า พระเยซูจะมารับผู้เชื่อตอนไหน ก่อนกลียุค (Pre-Tribulation) 7 ปี, ช่วงกลางกลียุค 3 ปีครึ่ง (Mid-Tribulation) หรือหลังกลียุค (Post-Tribulation) วันนี้เราคงไม่ลงรายละเอียดในส่วนนั้น แต่ที่นักศาสนศาสตร์ ต่างเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ก็คือ จะมีการ Rapture ผู้เชื่ออย่างแน่นอน

เรามาดูพระคัมภีร์กันสัก 2-3 ข้อนะครับ พระคัมภีร์ที่ทำให้นักศาสนศาสตร์ เชื่อกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า จะมีการ Rapture ผู้เชื่ออย่างแน่นอน

1คร 15:50-51 51 ดูก่อนท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความล้ำลึกที่จะบอกแก่ท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด 52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่

1ธส 4:16-17 16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน จงพรักพร้อมเมื่อพระเยซูเสด็จมา 17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์


ในวันนี้ ผมคงจะไม่คงรายละเอียดในเรื่องของ Rapture ว่าอะไร และก็อย่างไร?

สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ที่ติดตามอ่านบทความในบล็อกของผมมาตลอด จะได้ยินผมกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ว่าพระคัมภีร์เดิมเป็นเงา (Shadow) ของแก่นสาร (Substance) ในพระคัมภีร์ใหม่ และก็อีกนั่นแหละ พระคัมภีร์ปฐมกาลก็เป็นเงาของแก่นสาร ที่จะเกิดขึ้นในยุคพันธสัญญาใหม่

เรื่องราวที่พระเจ้าทรงรับเอโนคไป ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมโลก เป็นภาพสัญลักษณ์ ที่บอกและให้ความมั่นใจกับเรา ว่าพระเยซูจะกลับมารับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ ก่อนเกิดการพิพากษาอย่างแน่นอน 

นักศาสนศาสตร์ มีความเชื่อกันว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าการ Rapture จะเกิดขึ้นในยุคสมัยของพวกเรา ถ้าเป็นจริงดังที่นักศาสนศาสตร์ คาดคะเน นั่นก็หมายความว่า พวกเรามีโอกาสที่จะได้ไปอยู่กับพระเจ้า โดยไม่ผ่านความตาย ฮาเลลูยา!!! ไว้ในโอกาสเหมาะๆ ผมจะกลับมาเขียนเรื่องของ Rapture อีกทีนึงนะครับ

ผ่านเรื่องราวของเอโนคไป เราจะมาดู อีก 2 คำถามที่เหลือของผม

ทำไมเมธูเสลาห์ ถึงได้มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และทำไมพระเจ้าต้องให้รายละเอียดถี่ยิบ ว่าใครเป็นพ่อใคร และใครเป็นลูกใคร ตลอดจนเขามีลูกเมื่ออายุเท่าไหร่ และเขาตายเมื่ออายุเท่าไหร่?

ผมลองเอาข้อมูลที่พระเจ้าให้ในพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 มาลอง plot กราฟบน Excel ดู ก็จะได้กราฟออกมาหน้าตาแบบนี้


ลองดูไปพร้อมๆ กันผมนะครับ กราฟสีเหลือง คือปีที่บุคคลผู้นั้นมีลูก ส่วนกราฟสีน้ำเงิน คืออายุที่เขาอยู่ต่อหลังจากที่เขามีลูกแล้ว ส่วนตัวเลขด้านขวามือ เช่น 930, 1042, 1140, ..., 2006 คืออายุของโลก

คำอธิบายเพิ่มเติม:

อาดัมมีเสทตอนอายุ 130 ปี และอยู่ต่ออีก 800 ปี ดังนั้นอาดัมตาย เมื่อเขาอายุ 930 ปี (130+800)

เสทเกิดเมื่ออาดัมอายุ 130 ปี และตัวเสทมีอายุ 912 ปี ดังนั้น เมื่อเราเอาปีเกิดของเสท คือปี 130 บวกด้วยอายุของเขา 912 เราก็จะได้อายุของโลกออกมาที่ 1042

ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ตามข้อมูลที่พระคัมภีร์ให้มา เราก็จะได้กรอบเวลาออกมาดังกราฟข้างบนนี้


จากกราฟนี้ เราตอบคำถามแรกได้แล้วว่า ทำไมพระเจ้าต้องให้รายละเอียด ใครเป็นพ่อ ใครเป็นลูกใคร และเขามีลูกเมื่อตอนอายุเท่าไหร่ และเขาตายเมื่ออายุเท่าไหร่? เหตุผลก็เพราะว่า เพื่อที่เราจะสามารถ เขียนเส้นเวลา (Timeline) ออกมาได้ เหมือนกราฟเวลาที่ผมทำให้เพื่อนๆ ดูข้างบนนั่นแหละครับ

เขียนกราฟเวลาออกมาได้แล้ว ยังไง? มีอะไรน่าสนใจหรือ?

คำตอบ มีแน่นอนที่สุด เพื่อนๆ ลองดูในกราฟนะครับ ตรงเส้นสีแดงแนวตั้งที่ผมขีดเอาไว้ คือปีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ความน่าสนใจของมัน อยู่ที่ว่าปีที่น้ำท่วมโลก เป็นปีเดียวกับ ที่เมธูเสลาห์ตาย พอดิบพอดีเลย มันเหมือนราวกับว่า การตายของชายผู้นี้ มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลก อย่างไงอย่างงั้นเลย คล้ายราวกับว่า การตายของเขา จะเป็นชนวนเวลาของเหตุการณ์น้ำท่วมโลก

ถ้าการตายของเมธูเสลาห์เป็นชนวนเวลาของเหตุการณ์น้ำท่วมโลกจริง ตามการคาดคะเนของผม นั่นก็หมายความว่า เรื่องราวของชายผู้นี้ มีความน่าสนใจ และน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ให้เรามาร่วมกัน แกะรอยพระวจนะของพระเจ้ากันต่อนะครับ

ความลับของชายผู้นี้ ซ่อนอยู่ในความหมายชื่อภาษาฮีบรูของเขานั่นเอง

ชื่อของเมธูเสลาห์ สามารถแปลออกมาได้ 3 ความหมาย คือ บุรุษแห่งหอก (Man of a Spear), บุรุษผู้ถูกส่งออกไป (Man on a Mission) และ หลังจากที่เขาตายมันจะมา (His death shall bring)

อะไรมา? จากกราฟเวลาที่เรา plot กันขึ้นมา สิ่งที่มาก็คือ การพิพากษา น้ำท่วมโลกนั่นเอง

ถึงตรงนี้ ผมยิ่งมีความสนใจ ในพระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 มากขึ้นไปอีก มีความลับอะไรอีกไหม ที่ซ่อนอยู่ในข้อพระคัมภีร์บทนี้ ทั้ง 32 ข้อ

โครงสร้างของปฐมกาล บทที่ 5 เป็นเรื่องราวของลำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม ข้อมูล ที่พระคัมภีร์ให้มา สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน (1) ชื่อของพงศ์พันธุ์อาดัม (2) เวลาที่พวกเขามีลูก (3) เวลาที่พวกเขาตาย

เรื่องของเวลา เราก็ plot กราฟกันออกมาแล้ว ทีนี้ร่องรอย (clue) สุดท้ายที่เหลืออยู่ ก็คือ "ชื่อ" ของคนนั่นเอง มีหลักการตีความพระคัมภีร์อยู่ หลักหนึ่งเรียกว่า ความสำคัญของชื่อ (Significance of the Names)

เราลองมา ถอดความหมายชื่อของคนในลำดับพงศ์พันธุ์อาดัม ที่พระเจ้าให้มากัน ว่ามีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่??

อาดัม (Adam) - มนุษย์ (Man)
เสท (Seth) - กำหนดเอาไว้ (Appointed)
เอโนช (Enosh) - ต้องตาย (Mortal)
เคนัน (Cainan) - ความโศกเศร้าเสียใจ (Sorrow)
มาหะลาเลล (Mahalalel) - พระเจ้าแห่งพระพร (The Blessed God)
ยาเรด (Jered) - จะลงมา (Shall come down)
เอโนค (Enoch) - สอน (Teaching)
เมธูเสลาห์ (Methuselah) - การตายของเขาจะนำมันมา (His death shall bring)
ลาเมค (Lamech) - หมดหวัง (Despairing) หรือ ที่ทรงพลัง (Powerful)
โนอาห์ (Noah) - การพักสงบ (Rest)

ทีนี้ เราลองเอาความหมายชื่อทั้งหมด มารวมเข้าด้วยกันเป็นประโยค เราก็จะได้ประโยคนี้ออกมา


"A man is appointed mortal sorrow but the Blessed God shall come down teaching (that) His death shall bring (the) despairing rest."

"มนุษย์ถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าต้องตาย และโศกเศร้าเสียใจ แต่ว่าพระเจ้าแห่งพระพร จะเสด็จลงมาสอนพวกเขา และการตายของพระองค์ จะยุติความสิ้นหวัง และนำมาซึ่งการพักสงบ"

Wow!!! นี่มันคือ คำพยากรณ์ถึงงานพันธกิจขององค์พระเยซูคริสต์นี่หน่า

ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับองค์พระเยซูคริสต์ ถ้าพระเยซูไม่มา พวกเราก็พินาศกันหมด ในบึงไฟนรก



หลังจากอาดัมและเอวา ล้มลงในความบาป พระเจ้าได้ประทานพระสัญญากับพวกเขา ว่าพระองค์จะส่งพระเมสสิยาห์ (Messiah) มาช่วยกู้มนุษย์จากความบาป  พระองค์จะทรงเหยียบหัวงูแหลก และงูจะทำให้ส้นเท้าของพระองค์ฟกช้ำ (ปฐก 3:15) และตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม เรียกได้ว่า ทุกหน้าของพระคัมภีร์ พระเจ้าก็ได้ ตอกย้ำ และให้ความมั่นใจกับพวกเรา ถึงพระสัญญาของพระองค์ พระสัญญาที่จะไม่เคยผิดพลาด หรือล้มเหลวเลย ถึงการมาของพระเยซู

พระคัมภีร์ปฐมกาล บทที่ 5 ก็เป็นอีกหนึ่งตอน ที่พระเจ้าทรงยืนยันกับเราว่า พระเยซูจะเสด็จมาไถ่บาปให้กับพวกเราอย่างแน่นอน

สรรเสริญพระเจ้า สำหรับความรัก ความดี และความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่มีต่อพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะอสัตย์ แต่พระองค์ยังดำรงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ

พระเอกของพระคัมภีร์ ก็คือ พระเยซู พระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น หลังจากที่ผมได้รับการสำแดง เรื่องพระคุณของพระเจ้าแล้ว ทุกหน้าพระคัมภีร์ที่ผมอ่าน ผมเห็นภาพของพระเยซู และงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ ที่ถูกซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พระองค์ทรงเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีทางอื่นทางใดอีกแล้ว ที่จะนำเราไปถึงพระบิดาได้ นอกจากทางพระเยซูผู้เดียว

ผมเข้าใจแล้ว ถึงความรู้สึกของอาจารย์เปาโล ว่าทำไมอาจารย์เปาโล ถึงได้กล่าวว่า "ไม่มีสักสิ่งเดียว จะมีคุณค่า เทียบได้กับการได้รู้จักกับพระเยซูคริสต์ อาจารย์บากบั่นมุ่งไป เพื่อที่จะฉวยเอาพระเยซูคริสต์ไว้เป็นของตน อาจารย์ยอมแลกทุกอย่าง เพื่อจะได้รู้จักกับพระเยซู มากขึ้น และก็มากขึ้นเรื่อยๆ"

ไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะมีคุณค่า เทียบได้กับการ ได้รู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์ คำสอนทุกคำสอน คำเทศนาทุกกัณฑ์ของอาจารย์เปาโล ตลอดจนจดหมายฝาก (Epistle) ทุกฉบับที่อาจารย์เขียน ต่างมีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง พระคัมภีร์ภายใต้พันธสัญญาใหม่ 2 ใน 3 ถูกเขียนขึ้นโดยอาจารย์เปาโล

แม้ว่าอาจารย์เปาโล จะเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถมาก ทั้งความรู้ในฝ่ายโลก และความรู้ในทางพระเจ้า แต่อาจารย์เปาโล กลับไม่เคย สอนคำสอนผสม (Fusion) สิ่งที่อาจารย์สอน และมุ่งเน้น ก็คือ คำสอนที่มีพระเยซูคริสต์ เป็นศูนย์กลาง และบล็อค Bible Insight นี้ ก็ถูกเขียนขึ้นมา บนความรู้สึกเดียวกัน เพื่อจะสานต่อเจตนารมย์ ของอาจารย์เปาโล

ฟป 3:8-10 8 ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ 9 และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์ ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ 10 ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์ 
Phil 3:8-10 8 Yet indeed I also count all things loss for the excellence of the knowledge of Christ Jesus my Lord, for whom I have suffered the loss of all things, and count them as rubbish, that I may gain Christ 9 and be found in Him, not having my own righteousness, which is from the law, but that which is through faith in Christ, the righteousness which is from God by faith; 10 that I may know Him and the power of His resurrection, and the fellowship of His sufferings, being conformed to His death, (NKJ)

ฟป 3:12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว 

Phil 3:12 Not that I have already attained, or am already perfected; but I press on, that I may lay hold of that for which Christ Jesus has also laid hold of me. (NKJ)


แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ทรงถ่อมพระทัย ยอมเชื่อฟัง จนถึงความมรณาที่กางเขน ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูง เหนือนามใดๆ พระองค์เพียงผู้เดียว ที่สมควรได้รับพระเกียรติ์ พระสิริ คำสรรเสริญ การนมัสการ ขอบคุณพระเยซู สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา

ตอนที่ผมเป็นผู้เชื่อใหม่ ที่คริสตจักร มีการแข่งขันตอบคำถามพระคัมภีร์ มีอยู่คำถามหนึ่ง ถามว่า "ใครคือคนที่อายุยืนยาวที่สุดในพระคัมภีร์?" และนั่นก็คือ ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของเมธูเสลาห์ ในตอนนั้นผมรู้ว่า เขาคือคนที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไม?

มาวันนี้ ผมรู้ และเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงมีอายุยืนยาวที่สุด ไม่ใช่ซิ ต้องพูดว่า ทำไมพระเจ้าถึงให้เขามีอายุยืนยาวที่สุด พระเจ้าได้บอกกับคนสมัยนั้น ผ่านชื่อของ เมธูเสลาห์ (Methuselah) ว่า หลังจากที่เขาตาย การพิพากษาจะมาถึง


ในสมัยนั้น โลกเต็มไปด้วยความบาป มารและสมุนของมาร ได้ลงมาสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิง เกิดเป็นมนุษย์ครึ่งผี ที่เรียกว่า คนเนฟิล (Nephilim) เพื่อที่จะตีสกัด ไม่ให้พระเมสสิยาห์ สามารถมาประสูติผ่านพงศ์พันธุ์ของหญิงตามที่พระเจ้าสัญญาไว้ได้

พระเจ้าจึงต้องพิพากษาลงโทษ มนุษย์ครึ่งผีเหล่านั้นเสีย เพื่อจะรักษา (preserve) พงศ์พันธุ์มนุษย์แท้ ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งก็คือ ครอบครัวของโนอาห์ หลานของเมธูเสลาห์นั่นเอง แต่ใจของพระเจ้าแล้ว พระองค์ไม่ประสงค์ จะทำลายชีวิต


[ถ้าพี่น้องยังไม่เคยอ่านบทความ นาวาของโนอาห์ (The Ark of Noah) ที่ผมเคยเขียนเอาไว้ ลองเปิดไปอ่านดูนะครับ ผมได้อธิบายถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเอาไว้]

เมธูเสลาห์ (การตายของเขา จะนำมันมา) ด้วยเหตุนี้เอง พระเจ้าจึงทรงให้เมธูเสลาห์ มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะพระองค์ทรงพระกรุณา เต็มล้นด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า อุดมด้วยความรักมั่นคง พระทัยพระองค์ ไม่ทรงประสงค์ ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย พระทัยของพระองค์ ประสงค์จะประทานพระกรุณามากกว่าการพิพากษา

2ปต3:9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
2 Pet 3:9 The Lord is not slack concerning His promise, as some count slackness, but is longsuffering toward us, not willing that any should perish but that all should come to repentance. (NKJ)


ยก 2:13 เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่แสดงความกรุณา แต่ความกรุณาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา
James 2:13 For he shall have judgment without mercy, that hath shewed no mercy; and mercy rejoiceth against judgment. (KJV)

สดด 103:8 พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง
Ps 103:8 The LORD is merciful and gracious, slow to anger, and abounding in mercy. (NKJ)

ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นคริสเตียน ได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้า ผ่านงานที่สำเร็จแล้ว บนไม้กางเขนขององค์พระเยซูคริสต์ ถ้าความรอด เป็นเรื่องที่ต้องขึ้นกับการกระทำของเรา เราจะไม่เคยมั่นใจได้เลย ว่าเราจะรอดหรือไม่ เพราะเราอ่อนแอเกินไป แต่ขอบคุณพระเจ้า ความรอดของเรา หาได้ขึ้นกับงานที่เราเป็นคนกระทำไม่ หากแต่ขึ้นกับงานที่พระเยซูทรงเป็นผู้กระทำ ความรอดของเรา จึงเป็นสิ่งแน่นอน ผมเชื่อ เชื่อมั่นในคุณภาพงานของพระเยซู

เวลาที่แม่กับลูก เดินข้ามถนนไปด้วยกัน มือของลูกที่จับมือของแม่ จะไม่เคยมั่นคง แน่นอน เหมือนมือของแม่ ที่จับมือของลูกเลย ลูกอาจปล่อยมือจากแม่ได้ทุกเวลา ไม่ใช่ เพราะเค้าเป็นเด็กดื้อ ไม่เชื่อฟัง แต่เพราะเขาอ่อนแอเกินไป เช่นเดียวกันกับเรื่องของความรอด เราไม่ได้รอด เพราะเราเข้มแข็ง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครเลยที่จะเข้มแข็งได้ทุกที่และก็ทุกเวลา


ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ มิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ความรอดนั้น จะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้ (อฟ 2:8-9)

ความรอด คือ สิ่งที่พระเจ้าทำทั้งหมด ส่วนของเรา คือเชื่อ เชื่อในงานที่สำเร็จแล้วขององค์พระเยซูคริสต์ บาปของเรา ได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ การยกโทษบาปที่เราได้รับ มิใช่เกิดจากความสามารถในการเชื่อฟัง และถือรักษาพระบัญญัติของเรา แต่เกิดจากพระคุณอันอุดมของพระเจ้า (according to the riches of His Grace)


อฟ 1:7 ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ 
Eph 1:7 In Him we have redemption through His blood, the forgiveness of sins, according to the riches of His grace (NKJ)



To Jesus and Him ALONE be all the Glory and Honor Amen

4 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอด อ่านและได้รู้มากเลย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากศึกษาพระคัมภีรจริงจังมากขึ้น ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ6 กรกฎาคม 2556 เวลา 11:34

    ขอบคุณมากที่ช่วยให้ความรู้แบบเจาะลึกพระคัมภีร์สำหรับคนที่ภาษาอังกฤษอ่อนแอ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ13 พฤษภาคม 2557 เวลา 11:48

    น่าสนใจ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณพระเยซูคริสต์ เอเมน

    ตอบลบ