วันนี้ผมอยากจะเขียนถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในภาษาฮีบรูของคำว่า "ร่ำรวย หรือมั่งคั่ง" เคล็ดลับนี้ คนในฝ่ายโลก ที่ไม่เชื่อพระเจ้า หลายต่อหลายคนได้ค้นพบ และนำไปปฏิบัติใช้ จนประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง ร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐี มีชื่อเสียง กันมาแล้วมากมาย
บางคน ได้นำหลักการนี้ มาแบ่งปันให้กับนักศึกษาจบใหม่ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จนทั้งโลกต่างโจษจันกันว่า เป็นวาทะโอวาทสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ที่ดีที่สุด ใช่ครับ คนนั้น ก็คือ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้ง และอดีตประธานบริหารของบริษัท Apple Inc. นั่นเอง บางคนที่ได้ใช้หลักการดังกล่าว จนประสบความสำเร็จ ก็ได้นำหลักการดังกล่าว มาเขียนเป็นหนังสือ จนหนังสือกลายเป็นหนังสือขายดี (Best Seller) เพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับผู้เขียน ที่มั่งคั่งอยู่แล้ว ได้มั่งคั่งเข้าไปอีก แต่พี่น้องรู้หรือไม่ว่า หลักการที่พวกเขาเหล่านั้น นำมาปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จกันอย่างมากมาย จนคนทั้งโลกต่างอิจฉา เป็นแค่ผิว เป็นแค่เงาของแก่นสาร ที่ซ่อนอยู่ วันนี้ผมเลยอยากจะเขียน ถึงเรื่องนี้ แบบลงรายละเอียด เพื่อนๆ พร้อมจะร่วมค้นหา แก่นสารที่ซ่อนอยู่ หรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว เราเริ่มกันเลย
บางคน ได้นำหลักการนี้ มาแบ่งปันให้กับนักศึกษาจบใหม่ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จนทั้งโลกต่างโจษจันกันว่า เป็นวาทะโอวาทสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ที่ดีที่สุด ใช่ครับ คนนั้น ก็คือ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้ง และอดีตประธานบริหารของบริษัท Apple Inc. นั่นเอง บางคนที่ได้ใช้หลักการดังกล่าว จนประสบความสำเร็จ ก็ได้นำหลักการดังกล่าว มาเขียนเป็นหนังสือ จนหนังสือกลายเป็นหนังสือขายดี (Best Seller) เพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับผู้เขียน ที่มั่งคั่งอยู่แล้ว ได้มั่งคั่งเข้าไปอีก แต่พี่น้องรู้หรือไม่ว่า หลักการที่พวกเขาเหล่านั้น นำมาปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จกันอย่างมากมาย จนคนทั้งโลกต่างอิจฉา เป็นแค่ผิว เป็นแค่เงาของแก่นสาร ที่ซ่อนอยู่ วันนี้ผมเลยอยากจะเขียน ถึงเรื่องนี้ แบบลงรายละเอียด เพื่อนๆ พร้อมจะร่วมค้นหา แก่นสารที่ซ่อนอยู่ หรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว เราเริ่มกันเลย
ภาษาฮีบรู คือ ภาษาที่พระเจ้ามอบให้กับคนยิว ประชากรในฝ่ายกายภาพของพระองค์ใช้ในการสื่อสาร อะไรที่พระเจ้ามอบให้ ไม่เคยธรรมดา แม้ว่าด้วยสายตาฝ่ายกายภาพของเรา จะดูสิ่งเหล่านั้น ว่ามันช่างเรียบง่าย และธรรมดาเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่พระเจ้ามอบให้ทุกสิ่ง กลับซ่อนไว้ด้วยความล้ำลึก ทั้งฝ่ายกายภาพ และฝ่ายวิญญาณ อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพระสติปัญญาของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม
ในบทความตอนที่ 1 นี้ ผมจะเริ่มจากการเจาะจากผิว ลงไปสู่แก่นสาร โดยผิวที่ผมจะเจาะในบทความนี้ เป็นสิ่งที่คนในโลกได้ค้นพบ ครึ่งหนึ่งของความหมาย และนำไปปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จกันมามากมาย หลายต่อหลายคนแล้ว อีกครึ่งหนึ่งของความหมาย บวกกับแก่นสารที่ยังถูกปิดซ่อนไว้ ยังไม่มีคนไม่เชื่อ (Non Believers) คนไหน ค้นพบ และคงไม่สามารถค้นพบได้ เนื่องจากแก่นสารที่ดีที่สุด พระเจ้าทรงเก็บซ่อนเอาไว้ให้กับผู้เชื่อ บรรดาลูกๆ ของพระองค์ (ยน 1:12)
เรามาเริ่มกันเลยครับ
อาเชอร์ คือลูกของยาโคบ ที่เกิดจากศิลปาห์ สาวใช้ของนางเลอาห์ เหตุการณ์ในตอนนั้น นางเลอาห์พยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะทำให้ยาโคบรักเธอมากกว่าราเชลน้องสาว หนึ่งในวิธีที่เลอาห์ทำก็คือ การมีลูกกับยาโคบให้เยอะๆ เข้าไว้ เท่านั้นไม่พอ เลอาห์ ยังได้ยกสาวใช้ของเธอที่ชื่อศิลปาห์ ให้เป็นภรรยาของยาโคบ ศิลปาห์ได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่ยาโคบ 2 คนด้วยกัน คนโตชื่อ กาด (Gad) เป็นบุตรอันดับที่ 7 ของบุตรทั้งหมดของยาโคบ และคนเล็กชื่อ อาเชอร์ (Asher) โดยอาเชอร์ เป็นบุตรอันดับที่ 8 ของยาโคบ
עשר
ภาษาฮีบรูอ่านจากขวาไปซ้าย ตัวอักษรข้างบนนี้ อ่านว่า ออ-ชาร์ (Ashar) แปลว่า ร่ำรวย หรือมั่งคั่ง (Rich or Wealth)
ครึ่งหนึ่งของความลับแรก ที่คนในโลกได้ค้นพบแล้ว ซ่อนอยู่ใต้รากศัพท์ของคำๆ นี้ นี่เอง
คำว่า ออ-ชาร์ (Ashar) และคำว่า อาเชอร์ (Asher) แชร์รากศัพท์คำเดียวกัน
ถึงตรงนี้ พี่น้องที่ชอบอ่าน และชอบศึกษาพันธสัญญาเดิม ก็คงจะคุ้นๆ กับคำว่า อาเชอร์นี้เป็นอย่างดี
ใช่ครับ อาเชอร์ (Asher) คือ 1 ใน 12 เผ่า หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง ก็คือ อาเชอร์ คือ 1 ใน 12 บุตรชายของยาโคบนั่นเอง
ยาโคบ มีลูกทั้งหมด 12 คน เกิดจากผู้หญิง 4 คนด้วยกัน
6 คนเกิดจากนางเลอาห์ (Leah)
2 คนเกิดจากศิลปาห์ (Zilpha) สาวใช้ของนางเลอาห์
2 คนเกิดจากบิลฮาห์ (Bilhah) สาวใช้ของนางราเชล
2 คนเกิดจากนางราเชล (Rachel)
รวมทั้งหมด 12 คนพอดี
6 คนเกิดจากนางเลอาห์ (Leah)
2 คนเกิดจากศิลปาห์ (Zilpha) สาวใช้ของนางเลอาห์
2 คนเกิดจากบิลฮาห์ (Bilhah) สาวใช้ของนางราเชล
2 คนเกิดจากนางราเชล (Rachel)
รวมทั้งหมด 12 คนพอดี
อาเชอร์ คือลูกของยาโคบ ที่เกิดจากศิลปาห์ สาวใช้ของนางเลอาห์ เหตุการณ์ในตอนนั้น นางเลอาห์พยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะทำให้ยาโคบรักเธอมากกว่าราเชลน้องสาว หนึ่งในวิธีที่เลอาห์ทำก็คือ การมีลูกกับยาโคบให้เยอะๆ เข้าไว้ เท่านั้นไม่พอ เลอาห์ ยังได้ยกสาวใช้ของเธอที่ชื่อศิลปาห์ ให้เป็นภรรยาของยาโคบ ศิลปาห์ได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่ยาโคบ 2 คนด้วยกัน คนโตชื่อ กาด (Gad) เป็นบุตรอันดับที่ 7 ของบุตรทั้งหมดของยาโคบ และคนเล็กชื่อ อาเชอร์ (Asher) โดยอาเชอร์ เป็นบุตรอันดับที่ 8 ของยาโคบ
เลอาห์ เป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกทั้ง 2 ของศิลปาห์
ผิวสัมผัสที่คนในโลกนี้ ค้นพบ และนำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ ซ่อนอยู่ในความหมายชื่อของอาเชอร์
ชื่อของอาเชอร์ แปลว่าอะไร "ความสุข (Happiness)"
ชื่อของอาเชอร์ แปลว่าอะไร "ความสุข (Happiness)"
ปฐก 30:13 เลอาห์ก็ว่า "ข้าพเจ้ามีความสุข เพราะพวกสตรีจะเรียกข้าพเจ้าว่า เป็นสุข" นางจึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า อาเชอร์
และนี่ก็คือ สิ่งที่คนในโลกเรียกว่า "ทำในสิ่งที่คุณรัก และเงินจะตามมา" นั่นเอง
เคล็ดลับความสำเร็จประการที่ 2 Love and Loss (เรื่องราวของความรักและการสูญเสีย) จาก 3 เคล็ดลับ ที่สตีฟ จ๊อปส์ แบ่งบันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ก็คือ เรื่องนี้นี่เอง
เคล็ดลับนี้ แท้จริงแล้ว มีความลึกซึ้งเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่ในโลกไม่สำเร็จ มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจแก่นสารตรงนี้ ที่ว่า ความสุข กับความมั่งคั่ง เป็นเสมือนของสองสิ่ง ที่อยู่ในสิ่งเดียวกัน เปรียบได้กับเหรียญที่มี 2 ด้าน
คนที่ไม่สำเร็จ จะแยก 2 สิ่งนี้ออกจากกัน ผลที่ตามมา ก็คือ พวกเขามุ่งแสวงหา (Pursue) ความมั่งคั่งร่ำรวย โดยใช้ผลตอบแทนด้านตัวเงิน เป็นจุดตัดเชือก เขาจะเลือกทำในสิ่งที่ได้เงินเยอะที่สุด แทนที่จะทำในสิ่งที่เขารัก ผลที่ตามมาก็คือ ทุกวันที่เขาเดินทางไปทำงาน สภาพของเขาเหมือนวัว ที่กำลังเดินทางไปโรงฆ่าสัตว์ เขาพยายามจะลากตัวเองไปเรื่อยๆ ในระยะสั้นแล้ว พวกเขาเหมือนจะทนได้ แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยืนระยะไม่อยู่ พวกเขาเหนื่อยล้าและหมดแรง (Burnt Out) สูญเสียทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต แบบไม่สามารถจะเรียกกลับคืนมาได้
บางคนเอาความร่ำรวยเป็นเป้า เขาไม่สนใจวิธีการ อะไรก็ได้ขอให้เขารวยเป็นพอ ความร่ำรวย ที่ได้มาโดยวิธีทางลัด จะได้มาง่ายและรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะจากไปเร็วด้วยเช่นกัน มากยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ ความมั่งคั่งดังกล่าว มาพร้อมกับความวิตกกังวล และความทุกข์ ซึ่งนี่ ไม่ใช่ความมั่งคั่ง ตามแบบ และความหมายที่พระเจ้าซ่อนเอาไว้ใต้รากศัพท์ของคำนี้
คนส่วนหนึ่งในโลก ที่โลกยกย่องพวกเขาว่าประสบความสำเร็จ แม้ว่าเขาเหล่านั้น จะไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า แต่โดยไม่รู้ตัว พวกเขาเรียนรู้ ถึงหลักการที่พระเจ้าซ่อนเอาไว้ในภาษาฮีบรูตรงนี้ และนำไปปฏิบัติใช้
พวกเขาเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่พวกเขารัก และหลงไหล (Passion) ภาพคงน่าจะเปรียบเทียบได้กับ ศิลปินนักวาดภาพ แม้ว่าการวาดภาพคืองานของเขา แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เขาหยิบพูกันขึ้นมา วาดภาพ แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยไป หลายต่อหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม พวกเขากลับไม่รู้สึกว่า เขากำลังทำงานอยู่ เพราะเขากำลังทำในสิ่งที่เขารักและหลงไหล
จากประสบการณ์การทำงานในหลายปีที่ผ่านมา ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดูกาล พระเจ้าได้ทรงสอนและสำแดงให้ผมมีความเข้าใจ ว่าการเลือกทำงาน อย่าเพียงแต่เลือกงาน ที่ให้ผลตอบแทนด้านตัวเงินที่สูงเท่านั้น แต่ให้เลือกงาน ที่เรามีใจรัก และหลงไหลมัน เพราะเมื่อไหร่ ที่เรารักในงาน ในอาชีพที่เราทำ ผลงานที่เราทำออกมา มันจะ Amazing มากๆ และถึงแม้ว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ นานา เรากลับสนุกกับมัน ความคิดสร้างสรรค์สารพัด ต่างพรั่งพรูออกมาเสมือนหนึ่ง กระแสน้ำที่ไหลต่อเนื่องตลอดเวลา
ถ้าเราต้องทำอะไรสักอย่าง ต่อเนื่องยาวนาน แล้วเราไม่ได้รัก และหลงไหลในสิ่งนั้นแล้ว เป็นที่น่าฉงนสนเท่ห์ ว่าเราจะยืนระยะ ต่อเนื่องยาวนานได้อย่างไร? ยิ่งผมศึกษาพระวจนะ และเรื่องราวของพระเจ้ามากขึ้น ผมยิ่งเห็นถึงพระสติปัญญาอันล้ำลึกของพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณพระเจ้า ที่รักเรา และคอยนำย่างเท้าของเราตลอดเวลา ในทุกๆ step และในทุกๆ จังหวะชีวิตของพวกเราแต่ละคน
พี่น้องที่รักยิ่งในองค์พระเยซูคริสต์ พระเจ้าสร้างเราแต่ละคน มาแตกต่างกัน แม้แต่ฝาแฝดก็ยังไม่เหมือนกัน 100% ถึงได้มีคำกล่าวที่ว่า "แฝดคนละฝา" พระเจ้าได้ใส่ความสามารถพิเศษ ที่โลกเรียกว่า "พรสวรรค์ (Talents)" ให้กับเราแต่ละคน แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องไปเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น ให้เสียใจ เพราะเราแต่ละคนพิเศษ และเราแต่ละคนแตกต่างกัน
พระเจ้าได้ทรงใส่ Talents ให้แก่มนุษย์ทุกคน รวมถึงคนไม่เชื่อด้วยเช่นกัน
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราได้ทำในสิ่งที่เป็น Talents เป็นความถนัดของเรา ตามที่พระเจ้าได้ทรงใส่เอาไว้ในชีวิตของเราแต่ละคน เราจะสัมผัสได้ถึงความสุข และความอิ่มเอมใจ
แต่แน่นอนที่สุด ความอิ่มเอม ที่ไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง จะเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย ไม่ยั่งยืน ผิดกับความอิ่มเอม (Fulfillment) ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เพราะเหตุว่า สรรพสิ่งทั้งสิ้น รวมทั้งมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้า และก็เพื่อพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้น พระองค์แต่เพียงผู้เดียว ที่จะให้ความอิ่มเอมใจ ที่แท้จริงและยั่งยืนแก่เราได้
แต่แน่นอนที่สุด ความอิ่มเอม ที่ไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง จะเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย ไม่ยั่งยืน ผิดกับความอิ่มเอม (Fulfillment) ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เพราะเหตุว่า สรรพสิ่งทั้งสิ้น รวมทั้งมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้า และก็เพื่อพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้น พระองค์แต่เพียงผู้เดียว ที่จะให้ความอิ่มเอมใจ ที่แท้จริงและยั่งยืนแก่เราได้
คส 1:16 เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครองหรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดยพระองค์และเพื่อพระองค์
Col 1:16 For by Him all things were created that are in heaven and that are on earth, visible and invisible, whether thrones or dominions or principalities or powers. All things were created through Him and for Him. (NKJ)
ในบริบทของพระคัมภีร์โคโลสีตอนข้างบนนี้ พูดถึงพระเยซูคริสต์ พระเยซู พระองค์เท่านั้น พระองค์แต่เพียงผู้เดียว ที่จะให้ความอิ่มเอม และความเต็มล้นแก่เราได้ในทุกๆ อณู ทุกๆ มิติชีวิตของเรา เพราะเหตุว่า เราแต่ละคนถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่สัจธรรมความจริงนี้ ตกผลึกลงในหัวใจของเรา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้การสำแดงแก่เราว่า ชีวิตของเราแต่ละคน ถูกสร้างขึ้นโดยพระคริสต์ และเพื่อพระองค์ พระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น และเราเริ่มดำเนินชีวิตออกจากการสำแดงนั้น เมื่อนั้น เราจะพบว่า ชีวิตเต็มไปด้วยความหมาย ความอิ่มเอมใจ และความสุข
ของประทาน ความสามารถ ที่พระเจ้าใส่ไว้ในชีวิตของเรา ก็เพื่อที่เรา จะได้เดินไปในการทรงเรียกของพระองค์ และประสบความสำเร็จอย่างดี (Good Success) เมื่อไหร่ที่เราได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าเรียกเรา และเราได้ใช้ของประทาน ตะลันต์ความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ เราจะสัมผัสได้ถึงความอิ่มเอม ความพึงพอใจ อย่างที่เราจะไม่สามารถจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เรื่องของ Good Success ที่พระเจ้าทรงสอนโยชูวา ใน ยชว 1:8 คืออีกครึ่งหนึ่งของความหมาย ที่คนในฝ่ายโลก ยังขาดความเข้าใจ คนในฝ่ายโลก เทน้ำหนักไปให้กับปริมาณเงิน และเกียรติยศชื่อเสียง ที่ไหลตามปริมาณเงินเหล่านั้นมา คนในโลกยกย่องคนที่มีปริมาณเงินที่เยอะกว่า มีชื่อเสียงที่มากกว่า ว่าสำเร็จมากกว่า
แท้ที่จริงแล้ว Good Success ที่พระเจ้าพูดถึงตรงนี้ พระเจ้าไม่ใช่ทิ้งบอมไปที่ปริมาณเงิน เหมือนอย่างที่โลกให้น้ำหนัก แต่ Good Success ของพระเจ้า หมายถึงความสำเร็จในองค์รวม (Holistic) ในทุกๆ ด้านของชีวิต ความสำเร็จที่มาพร้อมกับความสุข
มีคนมากมายในโลก ที่โลกเรียกพวกเขาว่า "เศรษฐี" คนเหล่านี้มั่งมีเงินทอง แต่ชีวิตของเขากลับน่าสงสาร เศรษฐีหลายคน มั่งมีเงินทอง แต่กลับยากจนญาติสนิทมิตรสหาย เพราะเขาได้สูญเสียครอบครัวที่รักเขาไป เพื่อแลกกับความมั่งคั่งมั่งมี หลายคนหักหลังเพื่อนฝูง ขายพี่น้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง วันที่เขามั่งมีเงินทองสมใจปรารถนา เขาพบกับความจริงว่า ชีวิตมันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
เงินทองที่เขามีมากมาย ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหมด ก็ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างในจิตใจของเขาได้ ภรรยาได้ทิ้งเขาไปนานหลายปีแล้ว ลูกๆ ก็ไม่ยอมรับว่าเขาคือพ่อ ตัวเขาเอง เมื่อยืนอยู่หน้ากระจก ก็จำตัวเองไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาสูญเสียความเป็นตัวตนที่งดงามในวันเริ่มต้นของเขาไปแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง นี่คือประสบการณ์ที่กษัตริย์ซาโลมอนค้นพบ และสาธยายไว้ในพระคัมภีร์ปัญญาจารย์ ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อหาเงิน ในยามที่เขาได้เงินทองมาแล้ว สิ่งที่เขาเสียไปก็คือ สุขภาพ ในช่วงท้ายของชีวิต เขากลับต้องใช้เงินที่เขาหามาทั้งชีวิต เพื่อจะซ่อมแซมสุขภาพที่เสียไปกลับมา แต่ในหลายกรณี เขาพบว่า มันสายเกินไปแล้ว
พี่น้องที่รักในองค์พระเยซูคริสต์ เงินเป็นทาสที่ดี แต่เป็นนายที่เลว เมื่อไหร่ก็ตาม ที่รากแห่งการรักเงินทอง (the love of money) เข้าไปครอบครองจิตใจของผู้ใดแล้วละก็ ความเสียหายมากมาย จะติดตามมาอย่างแน่นอน รากแห่งการรักเงินทอง สามารถเปลี่ยนคนที่เคยมีน้ำใจ ให้กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เปลี่ยนคนที่ร่าเริง เป็นคนที่อมทุกข์
พระเจ้าไม่ได้ต่อต้านไม่ให้เรามีเงินทอง เพราะเงินโดยตัวมันเองแล้ว เป็นกลาง ตรงกันข้าม พระเจ้าสัญญากับเรา ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่า พระองค์จะทรงอวยพระพรเรา พระเจ้าสอนเรา ไม่ให้เรารักเงินทอง เพราะการรักเงินทอง (1ทธ 6:10) ท้ายที่สุด จะทำลายชีวิตของเรา พระองค์ทรงรักและปรารถนาดีกับเรา
ในตอนต่อๆ ไปของซีรีย์นี้ ผมจะพูดถึง เครื่องมือที่พระเจ้า ให้กับเรา เครื่องมือนี้ จะช่วยปกป้อง และป้องกันเราจากการรักเงินทอง สาเหตุที่พระเจ้าต้องให้เครื่องมือนี้กับเรา ก็เพราะว่า พระเจ้าปรารถนาอยากจะอวยพระพรเรามากมาย ในทุกๆ ด้าน รวมถึงด้านทรัพย์สินเงินทองด้วยเช่นกัน พระองค์จึงต้องให้เครื่องมือนี้กับเรา เพื่อปกป้องเรา และช่วยให้เราสามารถเป็นนาย (master) เงินทองที่พระเจ้าประทาน ให้เกิดพระพรสูงสุด ทั้งกับตัวของเรา ครอบครัวของเรา พระกาย และสำหรับการดีทุกอย่าง
ความมั่งคั่งร่ำรวยด้านเงินทอง ที่ต้องแลกมาด้วย ปัญหาครอบครัว บ้านแตกสาแหรกขาด การหย่าร้างกับคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเมื่อตอนเราเริ่มต้น หรือความมั่งคั่งร่ำรวย ที่ต้องแลกมาด้วยเวลาทั้งหมดที่เรามี แม้ว่าปริมาณสินทรัพย์ที่เราครอบครอง จะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง แต่เราต้องหายไปจากคริสตจักร ไม่มีเวลาที่จะมานมัสการพระเจ้า และร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่โบสถ์อีกต่อไป ก็มิใช่ Good Success ที่พระเจ้าประทานให้กับเรา พระเจ้าปรารถนาให้เราดำเนินชีวิตร่วมไปกับพี่น้องคริสเตียนผู้เชื่อ อยู่ร่วมกันเป็นชุมชม เป็นพระวรกายของพระองค์ เสริมสร้างซึ่งกันและกัน ไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
ในตอนหน้าเราจะมาเจาะลึกลงไปถึงแก่นสารที่ซ่อนอยู่ในแกนกลางของอักษร Ashar ที่คนไม่เชื่อ จะไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ เป็นชิ้นปลามัน ที่พระเจ้าเก็บเอาไว้ให้กับลูกๆ ของพระองค์ คอยติดตามนะครับ
เรื่องของ Good Success ที่พระเจ้าทรงสอนโยชูวา ใน ยชว 1:8 คืออีกครึ่งหนึ่งของความหมาย ที่คนในฝ่ายโลก ยังขาดความเข้าใจ คนในฝ่ายโลก เทน้ำหนักไปให้กับปริมาณเงิน และเกียรติยศชื่อเสียง ที่ไหลตามปริมาณเงินเหล่านั้นมา คนในโลกยกย่องคนที่มีปริมาณเงินที่เยอะกว่า มีชื่อเสียงที่มากกว่า ว่าสำเร็จมากกว่า
แท้ที่จริงแล้ว Good Success ที่พระเจ้าพูดถึงตรงนี้ พระเจ้าไม่ใช่ทิ้งบอมไปที่ปริมาณเงิน เหมือนอย่างที่โลกให้น้ำหนัก แต่ Good Success ของพระเจ้า หมายถึงความสำเร็จในองค์รวม (Holistic) ในทุกๆ ด้านของชีวิต ความสำเร็จที่มาพร้อมกับความสุข
มีคนมากมายในโลก ที่โลกเรียกพวกเขาว่า "เศรษฐี" คนเหล่านี้มั่งมีเงินทอง แต่ชีวิตของเขากลับน่าสงสาร เศรษฐีหลายคน มั่งมีเงินทอง แต่กลับยากจนญาติสนิทมิตรสหาย เพราะเขาได้สูญเสียครอบครัวที่รักเขาไป เพื่อแลกกับความมั่งคั่งมั่งมี หลายคนหักหลังเพื่อนฝูง ขายพี่น้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง วันที่เขามั่งมีเงินทองสมใจปรารถนา เขาพบกับความจริงว่า ชีวิตมันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
เงินทองที่เขามีมากมาย ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหมด ก็ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างในจิตใจของเขาได้ ภรรยาได้ทิ้งเขาไปนานหลายปีแล้ว ลูกๆ ก็ไม่ยอมรับว่าเขาคือพ่อ ตัวเขาเอง เมื่อยืนอยู่หน้ากระจก ก็จำตัวเองไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาสูญเสียความเป็นตัวตนที่งดงามในวันเริ่มต้นของเขาไปแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง นี่คือประสบการณ์ที่กษัตริย์ซาโลมอนค้นพบ และสาธยายไว้ในพระคัมภีร์ปัญญาจารย์ ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อหาเงิน ในยามที่เขาได้เงินทองมาแล้ว สิ่งที่เขาเสียไปก็คือ สุขภาพ ในช่วงท้ายของชีวิต เขากลับต้องใช้เงินที่เขาหามาทั้งชีวิต เพื่อจะซ่อมแซมสุขภาพที่เสียไปกลับมา แต่ในหลายกรณี เขาพบว่า มันสายเกินไปแล้ว
พี่น้องที่รักในองค์พระเยซูคริสต์ เงินเป็นทาสที่ดี แต่เป็นนายที่เลว เมื่อไหร่ก็ตาม ที่รากแห่งการรักเงินทอง (the love of money) เข้าไปครอบครองจิตใจของผู้ใดแล้วละก็ ความเสียหายมากมาย จะติดตามมาอย่างแน่นอน รากแห่งการรักเงินทอง สามารถเปลี่ยนคนที่เคยมีน้ำใจ ให้กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เปลี่ยนคนที่ร่าเริง เป็นคนที่อมทุกข์
พระเจ้าไม่ได้ต่อต้านไม่ให้เรามีเงินทอง เพราะเงินโดยตัวมันเองแล้ว เป็นกลาง ตรงกันข้าม พระเจ้าสัญญากับเรา ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่า พระองค์จะทรงอวยพระพรเรา พระเจ้าสอนเรา ไม่ให้เรารักเงินทอง เพราะการรักเงินทอง (1ทธ 6:10) ท้ายที่สุด จะทำลายชีวิตของเรา พระองค์ทรงรักและปรารถนาดีกับเรา
ในตอนต่อๆ ไปของซีรีย์นี้ ผมจะพูดถึง เครื่องมือที่พระเจ้า ให้กับเรา เครื่องมือนี้ จะช่วยปกป้อง และป้องกันเราจากการรักเงินทอง สาเหตุที่พระเจ้าต้องให้เครื่องมือนี้กับเรา ก็เพราะว่า พระเจ้าปรารถนาอยากจะอวยพระพรเรามากมาย ในทุกๆ ด้าน รวมถึงด้านทรัพย์สินเงินทองด้วยเช่นกัน พระองค์จึงต้องให้เครื่องมือนี้กับเรา เพื่อปกป้องเรา และช่วยให้เราสามารถเป็นนาย (master) เงินทองที่พระเจ้าประทาน ให้เกิดพระพรสูงสุด ทั้งกับตัวของเรา ครอบครัวของเรา พระกาย และสำหรับการดีทุกอย่าง
ความมั่งคั่งร่ำรวยด้านเงินทอง ที่ต้องแลกมาด้วย ปัญหาครอบครัว บ้านแตกสาแหรกขาด การหย่าร้างกับคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเมื่อตอนเราเริ่มต้น หรือความมั่งคั่งร่ำรวย ที่ต้องแลกมาด้วยเวลาทั้งหมดที่เรามี แม้ว่าปริมาณสินทรัพย์ที่เราครอบครอง จะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง แต่เราต้องหายไปจากคริสตจักร ไม่มีเวลาที่จะมานมัสการพระเจ้า และร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่โบสถ์อีกต่อไป ก็มิใช่ Good Success ที่พระเจ้าประทานให้กับเรา พระเจ้าปรารถนาให้เราดำเนินชีวิตร่วมไปกับพี่น้องคริสเตียนผู้เชื่อ อยู่ร่วมกันเป็นชุมชม เป็นพระวรกายของพระองค์ เสริมสร้างซึ่งกันและกัน ไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
ในตอนหน้าเราจะมาเจาะลึกลงไปถึงแก่นสารที่ซ่อนอยู่ในแกนกลางของอักษร Ashar ที่คนไม่เชื่อ จะไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ เป็นชิ้นปลามัน ที่พระเจ้าเก็บเอาไว้ให้กับลูกๆ ของพระองค์ คอยติดตามนะครับ
เป็นบทความท่ีให้ข้อคิดแก่ผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่อย่างดีที่สุด
ตอบลบ