พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า (2ทธ 3:16) ดังนั้น เรื่องทุกเรื่อง และเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่พระเจ้าได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ พระองค์ไม่ได้บันทึกลงไป เพื่อให้พระคัมภีร์หนาขึ้น ตรงกันข้าม ทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ มีสิ่งที่พระเจ้าอยากจะพูด และอยากจะสอนเรา วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเหตุการณ์ช่วงบั้นปลายของโยโคบ ที่ยาโคบได้อธิษฐานอวยพรลูกทั้งสองของโยเซฟ - มนัสเสห์ (Manasseh) และเอฟราอิม (Ephraim)
ก่อนที่ผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ผมของท้าวความถึงที่มาที่ไป ของเรื่องราวต่างๆ ให้พี่น้องได้เห็นภาพ ว่าก่อนจะมาถึงตรงนี้ ได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมคงไม่สามารถจะพูดถึงเหตุการณ์นี้ โดยไม่พูดถึงโยเซฟ เพราะเรื่องนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของโยเซฟ
เรื่องราวของโยเซฟ เป็นมหากาพย์ ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ผมได้กล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า พระคัมภีร์เดิมเป็นเงา และเป็นภาพสัญลักษณ์ของแก่นสารในพระคัมภีร์ใหม่ จริงๆ แล้วตัวโยเซฟเองเป็นภาพสัญลักษณ์ที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์ นักศาสนศาสตร์ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าไม่มี Character ไหนในพระคัมภีร์เดิมที่จะ Portrait สะท้อนภาพของพระเยซูคริสต์ได้ชัดเจนเท่ากับภาพของโยเซฟอีกแล้ว แต่วันนี้ผมคงยังไม่เจาะรายละเอียดตรงนั้น แต่จะมาเจาะลึกในครั้งต่อๆ ไป
ก่อนที่ผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ผมของท้าวความถึงที่มาที่ไป ของเรื่องราวต่างๆ ให้พี่น้องได้เห็นภาพ ว่าก่อนจะมาถึงตรงนี้ ได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมคงไม่สามารถจะพูดถึงเหตุการณ์นี้ โดยไม่พูดถึงโยเซฟ เพราะเรื่องนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของโยเซฟ
เรื่องราวของโยเซฟ เป็นมหากาพย์ ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ผมได้กล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า พระคัมภีร์เดิมเป็นเงา และเป็นภาพสัญลักษณ์ของแก่นสารในพระคัมภีร์ใหม่ จริงๆ แล้วตัวโยเซฟเองเป็นภาพสัญลักษณ์ที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์ นักศาสนศาสตร์ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าไม่มี Character ไหนในพระคัมภีร์เดิมที่จะ Portrait สะท้อนภาพของพระเยซูคริสต์ได้ชัดเจนเท่ากับภาพของโยเซฟอีกแล้ว แต่วันนี้ผมคงยังไม่เจาะรายละเอียดตรงนั้น แต่จะมาเจาะลึกในครั้งต่อๆ ไป
กลับมาที่เรื่องของโยเซฟ โยเซฟ คือบุตรคนแรกของนางราเชล นางในฝันของยาโคบ นางผู้ซึ่งยาโคบตกหลุมรัก ตั้งแต่แรกพบเธอ และนางอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ยาโคบยอมทำงานรับใช้ลาบันบิดาของเธอ นานถึง 14 ปี เพื่อที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเธอ
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า ในบรรดาลูกๆ ของยาโคบ ยาโคบรักโยเซฟมากที่สุด ด้วยความรักที่ยาโคบมีต่อโยเซฟ ยาโคบได้ทำเสื้อหลากสีให้แก่โยเซฟ
ปฐก 37:3 ฝ่ายอิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าบุตรทั้งหมดของท่าน เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อบิดาแก่แล้ว
บิดาทำเสื้อยาวมีแขนให้แก่โยเซฟ
บิดาทำเสื้อยาวมีแขนให้แก่โยเซฟ
Gen 37:3 Now Israel loved Joseph more than all his children, because he was the son of his old age: and he made him a coat of many colours. (KJV)
เสื้อหลากสีตัวนี้แหละ ได้สร้างความหมั่นไส้ให้กับบรรดาพี่พี่ของโยเซฟเป็นอย่างมาก (ปฐก 37:4)
สถานการณ์จากหมิ่นเหม่ กลายเป็นแง่ลบทันที เมื่อโยเซฟได้เล่าความฝันทั้งสองครั้งของเขาให้พี่พี่ฟัง ครั้งแรกโยเซฟฝันเห็นฟ่อนข้าวของพี่ กราบไหว้ฟ่อนข้าวของโยเซฟ และฝันครั้งที่สอง โยเซฟฝันเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวสิบเอ็ดดวงกราบไหว้โยเซฟ พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า เมื่อได้ฟังดังนั้น บรรดาพี่ชายต่างชังโยเซฟมากยิ่งขึ้น
ปฐก 37:5-9 5 คราวหนึ่งโยเซฟฝัน แล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟัง พวกพี่ชายยิ่งชังโยเซฟมากขึ้น 6 โยเซฟเล่าว่า "ฟังความฝันซึ่งฉันฝันเห็นซิ 7 พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของฉันตั้งขึ้นยืนตรง แต่ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆมาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของฉัน" 8 พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า "เจ้าจะปกครองเรากระนั้นหรือ เจ้าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ" พวกพี่ชายก็ยิ่งชังโยเซฟมากขึ้นอีกเพราะความฝัน และเพราะคำของเขา 9 ต่อมาโยเซฟก็ฝันอีก จึงเล่าให้พี่ชายฟังว่า "ฉันฝันอีกครั้งหนึ่ง เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ฉัน"
เหตุการณ์ไม่ได้จบแค่นั้น ด้วยความชิงชังที่พี่พี่ มีต่อโยเซฟ พวกเขาจึงได้วางแผนที่จะเก็บโยเซฟซะ โดยแผนแรกของพวกเขาก็คือ ฆ่าโยเซฟ แล้วเอาศพทิ้งไว้ในบ่อ แต่รูเบนได้ห้ามเอาไว้ พวกพี่พี่จึงได้ถอดเสื้อหลากสีของโยเซฟออก เพราะทุกครั้งที่พวกเขาเห็นเสื้อตัวนี้ ความอิจฉาริษยาของพวกเขาจะพลุ่งพล่าน และทิ้งโยเซฟไว้ในบ่อ ที่ไม่มีน้ำ (ปฐก 37:23-24)
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง มีพ่อค้าชาวอิชมาเอลผ่านมาพอดี ยูดาห์จึงได้เสนอ ให้ขายโยเซฟให้กับพ่อค้าชาวอิชมาเอลแทนที่จะฆ่าโยเซฟ เพราะจะอย่างไรเสีย ก็เป็นพี่น้องกัน พวกพี่พี่ จึงได้ขายโยเซฟให้กับพ่อค้าชาวอิชมาเอลเป็นเงินยี่สิบเชเขล (ปฐก 37:25-28)
หลังจากที่ได้ซื้อโยเซฟแล้ว คาราวานของพ่อค้าชาวอิชมาเอล ได้มุ่งหน้าต่อไปยังอียิปต์ และที่นั่น ที่ตลาดทาส เขาได้ขายโยเซฟต่อให้กับโปทิฟาร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ (ปฐก 37:36)
ชีวิตของโยเซฟจากอาเสี่ยลูกเถ้าแก่ยาโคบ ได้ตกต่ำกลายเป็นทาสรับใช้โปทิฟาร์ เหตุการณ์ยังไม่จบลงแค่นั้น ภรรยาของโปทิฟาร์สนใจในโยเซฟ และพยายามชักชวนให้โยเซฟหลับนอนกับนาง แต่โยเซฟไม่ตอบสนอง นางจึงปรักปรำใส่ร้ายโยเซฟกับโปทิฟาร์ว่า โยเซฟพยายามจะลวนลามนาง
ผลที่ตามมาก็คือ ชีวิตของโยเซฟจึงตกต่ำลงอีก จากทาส กลายมาเป็นนักโทษฉกรรจ์ โทษของโยเซฟตอนนั้นก็คือ "ขังลืม" โอกาสที่จะมีคนมาประกันตัวโยเซฟ เรียกได้ว่า มี 0% ชีวิตของโยเซฟ ถ้าจะพูดไปแล้วได้ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า หมดอนาคต สถานการณ์ตอนนั้นของโยเซฟ จากร้ายกลายเป็น หมดแล้ว จบกัน หรือ Game Over
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้หลายครั้งว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซฟ และนั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง (Turn Around) ให้กลับเข้าที่เข้าทางของมัน (ปฐก 39:2-5, 21, 23)
และในช่วงนั้นเอง ได้มีนักโทษใหม่เข้ามา 2 คน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานขนม (Chief Baker) ส่วนอีกคน เป็นหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น (Chief Butler) ของฟาโรห์ โยเซฟได้รับมอบหมายให้รับใช้นักโทษสองคนนี้
สองคนนี้ ต่างฝันคนละเรื่อง เช้ามาสองคนนี้ มีใบหน้าที่โศกเศร้า เพราะทั้งสองต่างกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าความฝันนั้น มีความหมายว่าอย่างไร??
ในจังหวะนี้เอง พระเจ้าเปิดโอกาส และให้ความสามารถแก่โยเซฟที่จะแปลความฝันให้แก่บุคคลทั้งสอง จริงๆ แล้ว ตัวนักโทษสองคนนี้ รวมถึงเรื่องความฝันของพวกเขา เป็นภาพสัญลักษณ์ ไว้มีโอกาส เราจะมาตามรอย และแกะเรื่องของนักโทษสองคนนี้กันนะครับ โยเซฟได้แปลฝันว่า ภายใน 3 วันหัวหน้าพนักงานขนมจะโดนประหาร ในขณะที่หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นจะถูกปล่อยตัว และจะได้ตำแหน่งทุกอย่างกลับคืนมา
โยเซฟได้ขอให้หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นระลึกถึงเขา ช่วยทูลฟาโรห์ให้อภัยโทษให้กับโยเซฟ พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า หลังจากที่หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น ได้รับอิสรภาพ ก็ลืมโยเซฟ ไม่ได้ทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้กับโยเซฟ (ปฐก 40:23)
............จนเวลาได้ล่วงเลย ต่อมาอีก 2 ปีเต็ม............
ฟาโรห์ได้มีพระสุบิน 2 ครั้ง ครั้งแรกพระองค์ทรงฝันเห็นโคอ้วนเจ็ดตัวถูกโคซูบผอมน่าเกลียดอีกเจ็ดตัวกิน ครั้งที่สอง พระองค์ทรงฝันเห็นต้นข้าวมีเจ็ดรวงที่เมล็ดเต่งงามดี แต่ภายหลังมีรวงข้าวอีกเจ็ดรวงงอกขึ้นมา เป็นข้าวลีบและเกรียม และรวงข้าวลีบได้กลืนกินรวงข้าวงามนั้นเสีย (ปฐก 41:1-7)
ครั้นรุ่งเช้าฟาโรห์ก็มีพระทัยโศกเศร้า เนื่องด้วยฝันนั้น พระองค์จึงมีรับสั่งให้เบิกตัวโหร และปราชญ์ทั่วทั้งแผ่นดินอียิปิต์มาเข้าเฝ้า เพื่อที่จะแปลความหมายของพระสุบินนั้น แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะถอดรหัสความฝันของฟาโรห์ได้ (ปฐก 41:8)
หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น จึงระลึกขึ้นได้ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในคุก มีชายคนหนึ่ง เคยแปลความฝันให้กับเขา และแปลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เขาจึงได้ทูลต่อฟาโรห์ ฟาโรห์จึงได้มีรับสั่งให้เบิกตัวโยเซฟ โยเซฟจึงได้เข้าเฝ้าฟาโรห์ การได้เข้าเฝ้าฟาโรห์ครั้งนี้ของโยเซฟ ไม่ใช่แค่การเข้าเฝ้าธรรมดา แต่มีภาระกิจที่ใหญ่ยิ่ง รอคอย ให้โยเซฟไปจัดการ พระสุบินของฟาโรห์ที่ทั่วทั้งแผ่นดินอียิปต์ หามีผู้ใด สามารถจะแปลความหมายของมันได้ คือโจทย์ที่รอโยเซฟอยู่
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ โยเซฟสามารถถอดรหัสและแปลความหมายของพระสุบินให้ฟาโรห์ฟังได้อย่างง่ายดาย
โยเซฟได้แปลพระสุบินให้ฟาโรห์ฟังว่า โคอ้วนพลีเจ็ดตัว คือ 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ โคซูบผอมน่าเกลียดอีกเจ็ดตัวที่ตามมา คือ 7 ปีแห่งการกันดารอาหาร ที่จะเกิดขึ้นทั่วแผ่นดินใน 7 ปีต่อมา หลังจากที่ 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เช่นเดียวกัน รวงข้าวเจ็ดรวงที่เมล็ดเต่งงามดี เล็งถึง 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่เม็ดข้าวลีบและเกรียมอีกเจ็ดรวงที่งอกขึ้นมาใหม่ และได้กลืนกินรวงข้าวงาม เล็งถึง 7 ปีแห่งการกันดารอาหารใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ถัดจาก 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์
โยเซฟไม่เพียงแต่แปลพระสุบินให้กับฟาโรห์ ด้วยสติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้ โยเซฟได้เสนอแผนการบริหารจัดการเสบียงกรังอียิปต์ในอีก 14 ปีข้างหน้าให้กับฟาโรห์อีกด้วย
ชัดเจนความสามารถเหนือธรรมชาติในการแปลพระสุบิน ตลอดจนสติปัญญาของโยเซฟ มาจากพระเจ้า
ฟาโรห์จึงตรัสกับบรรดาข้าราชบริพารว่า "เราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าในตัวเหมือนอย่างชายคนนี้ได้หรือ?"
ปฐก 41:-38-41 38 ฟาโรห์ตรัสกับบรรดาข้าราชการว่า "เราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ในตัวเหมือนคนนี้ได้หรือ" 39 ฟาโรห์จึงตรัสกับโยเซฟว่า "เพราะพระเจ้าได้ทรงสำแดงเรื่องนี้ทั้งสิ้นแก่ท่าน จะหาผู้ใดที่มีความคิดดีและมีปัญญาเหมือนท่านก็ไม่ได้ 40 เราจะตั้งท่านไว้ให้ดูแลราชสำนัก และให้ประชาชนทั้งหลายของเราปฏิบัติตามคำของท่าน เว้นแต่ฝ่ายพระที่นั่งเท่านั้นเราจะเป็นใหญ่กว่าท่าน" 41 ฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟอีกว่า "เราตั้งท่านให้ดูแลทั่วประเทศอียิปต์แล้ว"
ฟาโรห์จึงได้ถอดธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ สวมให้กับโยเซฟ พร้อมกับเสื้อผ้าป่านเนื้อละเอียด และสร้อยทองคำ และแต่งตั้งให้โยเซฟเป็นมหาอุปราช มีอำนาจเต็ม เป็นใหญ่เหนือคนทั้งแผ่นดิน รองแค่ฟาโรห์ผู้เดียว
พระองค์ยังได้พระราชทานอาเสนัท (Asenath) บุตรีโปทิเฟรา (Poti-Pherah) ปุโรหิตเมืองโอน (Priest of On) ให้เป็นภรรยาของโยเซฟอีกด้วย ในตอนนั้นโยเซฟมีอายุได้ 30 ปี
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า ก่อนเจ็ดปีแห่งการกันดารอาหารจะมาถึง อาเสนัทได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่โยเซฟ 2 คน คือมนัสเสห์ (Manasseh) และเอฟราอิม (Ephraim)
และลูกสองคนนี้ของโยเซฟ ก็คือ ประเด็นหลักที่ผมอยากจะพูดถึงในบทความนี้
สำหรับพี่น้องที่เป็นแฟนบล็อก insightscripture คงพอจะจำเรื่องของนางเลอาห์ได้ จะว่าไปแล้ว เรื่องลูกสองคนของโยเซฟ ก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกับเรื่องลูกของนางเลอาห์เป็นอย่างยิ่ง
พี่น้องบางคน อาจมีคำถาม มันคล้ายกันตรงไหน??
คล้ายกันตรง "วิธีตั้งชื่อลูก" นางเลอาห์ได้ระบายความอัดอั้นตันใจของเธอ ณ จุดนั้นๆ ของเวลา ผ่านชื่อลูกที่เธอตั้ง โยเซฟก็เช่นเดียวกัน (สำหรับพี่น้องที่ยังไม่เคยอ่านบทความเรื่อง ลูกของเลอาห์ ลองไปอ่านดูนะครับ ผมเชื่อว่า พี่น้องจะได้รับพระพรเป็นอย่างมาก)
กลับมาที่เรื่องของโยเซฟกันต่อ โยเซฟก็เช่นเดียวกันกับนางเลอาห์ โยเซฟได้ระบายความรู้สึกในใจตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ผ่านทางชื่อลูกทั้งสองคน
ลูกคนแรก มนัสเสห์ ชื่อมนัสเสห์ (Manasseh) มีความหมายว่า "ทำให้ลืม (Causing to Forget)"
ปฐก 41:51 โยเซฟเรียกลูกหัวปีว่า มนัสเสห์ "เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้าลืมความยากลำบากทั้งปวง และบรรดาพงศ์พันธุ์ของบิดาเสีย"
ทำไมโยเซฟ ถึงตั้งชื่อลูกอย่างนั้น? เหตุผลก็เพราะว่า ในช่วงเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ชีวิตโยเซฟ ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากมายครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่คนที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย เป็นลูกเศรษฐีอยู่ดีๆ ต้องมาตกทุกข์ได้ยาก ถูกขายมาเป็นทาส ต้องทำงานอย่างหนัก ไม่ต้องพูดถึงศักดิ์ศรี เพราะไม่มีอยู่แล้ว
ณ ตรงนั้นว่าแย่แล้ว สถานการณ์กลับแย่ลงไปอีก เพราะโยเซฟถูกปรักปรำใส่ร้าย ตอนที่โยเซฟเดินเข้าคุก ด้านกายภาพ ด้านของเหตุและผลแล้ว ไม่รู้ว่า ชีวิตนี้จะมีโอกาสได้รับอิสรภาพ ได้เห็นเดือน เห็นตะวันอีกหรือไม่? สถานการณ์ชีวิตของโยเซฟ จากร้าย กลายเป็นเลวร้ายสุดสุด
โยเซฟจึงตั้งชื่อลูกว่า มนัสเสห์ เพราะเขาอยากจะลืม ลืมอดีตแห่งความยากลำบาก อดีตที่ขื่นขมนั้นเสีย
ลูกคนต่อมา โยเซฟตั้งชื่อว่า เอฟราอิม (Ephraim) มีความหมายว่า "เกิดผลเป็นสองเท่า (Doubly Fruitful)"
ปฐก 41:52 บุตรที่สองท่านเรียกชื่อว่า เอฟราอิม "เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีพงศ์พันธุ์ทวีขึ้นในดินแดนที่ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ใจ"
ปฐก 41:52 บุตรที่สองท่านเรียกชื่อว่า เอฟราอิม "เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีพงศ์พันธุ์ทวีขึ้นในดินแดนที่ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ใจ"
Gen 41:52 And the name of the second he called Ephraim: "For God has caused me to be fruitful in the land of my affliction." (NKJ)
แม้ในท่ามกลางความยากลำบาก ท่ามกลางหนทางที่มืดมิด ท่ามกลางอุปสรรคปัญหาที่ไม่มีทางออก พระเจ้าสามารถเปลียนสถานการณ์ที่เลวร้ายทุกอย่าง ให้กลับมาเป็นพระพรกับชีวิตของเราได้ เช่นเดียวกันกับชีวิตของโยเซฟ แม้ว่าโยเซฟไม่มีมนุษย์คนไหนเคียงข้าง ช่วยเหลือ หรือค้ำชู้ นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะความโปรดปรานของพระเจ้า (God's Favor) อยู่กับเขา พระเจ้าได้ใช้สถานการณ์ที่เลวร้าย เพื่อที่วาง (position) โยเซฟ ไว้ในตำแหน่งมหาอุปราชของอียิปต์ ในยุคนั้น สมัยนั้น อียิปต์ คือมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก
พระเจ้าอวยพรให้โยเซฟเกิดผล ประสบความสำเร็จ อย่างเหนือคำบรรยาย โยเซฟจึงตั้งชื่อลูกคนเล็กว่า เอฟราอิม (Ephraim) แปลว่า เกิดผลมากมายมหาศาล คำว่า "เกิดผลเป็นสองเท่า - มีความหมายถึงการเกิดผลมากมาย"
หลังจากนั้น มีเหตุให้ยาโคบและครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อิยิปต์ พี่น้องสามารถตามไปอ่าน เนื้อหาเพิ่มเติมส่วนนี้ ได้ในบทความ 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร ภาค 1 โมเสส และโยชูวา นะครับ
ยาโคบ รวมถึงพี่พี่น้องน้องของโยเซฟ รวม 70 ชีวิต ได้ย้ายถิ่นฐานมาพำนักอยู่ที่เมืองโกเชน (Goshen) ประเทศอิยิปต์ร่วมกันกับโยเซฟ
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของยาโคบ โยเซฟได้พาบุตรทั้งสอง เข้าไป ให้ยาโคบอธิษฐานอวยพร (ปฐก 48)
เรื่องราวทุกเรื่องราว หรือแม้แต่เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ที่พระเจ้าบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ จะมีสิ่งที่พระเจ้าอยากจะพูด อยากจะสอนเรา เพื่อประโยชน์ของเรา ในพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 48 พระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวที่ยาโคบ ได้อธิษฐานอวยพรลูกทั้งสองของโยเซฟไว้อย่างละเอียดลออ หนึ่งบทเต็มๆ
วันนี้เราจะมาแกะความหมายของภาพสัญลักษณ์ของเหตุการณ์นี้ร่วมกัน เพราะนี่คือเนื้อหาหลัก ของบทความนี้
พระคัมภีร์ได้อธิบายเหตุการณ์นี้ อย่างละเอียดลออ ตามธรรมเนียมของคนยิว บุตรหัวปี (บุตรคนโต) จะได้รับพระพรเป็นสองเท่า และมือขวาเล็งถึงสิทธิอำนาจ ตลอดจนพระพร และความโปรดปราน ยาโคบที่ชรามากแล้ว ในตอนนั้น จะลุกขึ้นนั่งก็แทบไม่ไหว
เพื่อให้ง่ายต่อพ่อ โยเซฟจึงวางเอฟราอิมไว้ที่มือซ้ายของยาโคบ และมนัสเสห์ไว้ที่มือขวาของโยโคบ เนื่องจากมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี ยาโคบจะได้วางมือขวาบนศีรษะของมนัสเสห์ อวยพรมนัสเสห์ด้วยสิทธิบุตรหัวปี พระพรสองเท่า (ปฐก 48:13)
ความน่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ในข้อ 14 ของพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 48
ปฐก 48:14 ฝ่ายอิสราเอลก็เหยียดมือขวาออกวางบนศีรษะเอฟราอิมผู้เป็นน้อง และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะมนัสเสห์ เหยียดมือออกไขว้กันเช่นนั้น เพราะมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า ยาโคบ หรืออิสราเอล ได้ไขว้มือ สลับเอามือขวาไปวางไว้ที่ศีรษะของเอฟราอิม และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะของมนัสเสห์ พี่น้องเคยสังเกตไหมครับว่า ทำไมพระเจ้าต้องให้รายละเอียด ขนาดนี้ เหตุผลก็เพราะว่า เหตุการณ์นี้ คือภาพสัญลักษณ์ (Typology) นั่นเอง
ต้องบอกก่อนว่า เหตุการณ์นี้ไม่ปรกติ เพราะเป็นอะไรที่ขัดกับธรรมเนียมปฏิบัติของคนยิว ที่ต้องอวยพรบุตรหัวปี ด้วยพระพรสองเท่า แต่นี่ยาโคบกลับสลับเอาพระพรสองเท่าไปให้กับเอฟราอิมผู้เป็นน้องคนเล็กแทนที่จะให้กับมนัสเสห์ผู้เป็นพี่ชายคนโต
วันนี้เราจะมาแกะความหมายของภาพสัญลักษณ์ของเหตุการณ์นี้ร่วมกัน เพราะนี่คือเนื้อหาหลัก ของบทความนี้
พระคัมภีร์ได้อธิบายเหตุการณ์นี้ อย่างละเอียดลออ ตามธรรมเนียมของคนยิว บุตรหัวปี (บุตรคนโต) จะได้รับพระพรเป็นสองเท่า และมือขวาเล็งถึงสิทธิอำนาจ ตลอดจนพระพร และความโปรดปราน ยาโคบที่ชรามากแล้ว ในตอนนั้น จะลุกขึ้นนั่งก็แทบไม่ไหว
เพื่อให้ง่ายต่อพ่อ โยเซฟจึงวางเอฟราอิมไว้ที่มือซ้ายของยาโคบ และมนัสเสห์ไว้ที่มือขวาของโยโคบ เนื่องจากมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี ยาโคบจะได้วางมือขวาบนศีรษะของมนัสเสห์ อวยพรมนัสเสห์ด้วยสิทธิบุตรหัวปี พระพรสองเท่า (ปฐก 48:13)
ความน่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ในข้อ 14 ของพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 48
ปฐก 48:14 ฝ่ายอิสราเอลก็เหยียดมือขวาออกวางบนศีรษะเอฟราอิมผู้เป็นน้อง และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะมนัสเสห์ เหยียดมือออกไขว้กันเช่นนั้น เพราะมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า ยาโคบ หรืออิสราเอล ได้ไขว้มือ สลับเอามือขวาไปวางไว้ที่ศีรษะของเอฟราอิม และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะของมนัสเสห์ พี่น้องเคยสังเกตไหมครับว่า ทำไมพระเจ้าต้องให้รายละเอียด ขนาดนี้ เหตุผลก็เพราะว่า เหตุการณ์นี้ คือภาพสัญลักษณ์ (Typology) นั่นเอง
ต้องบอกก่อนว่า เหตุการณ์นี้ไม่ปรกติ เพราะเป็นอะไรที่ขัดกับธรรมเนียมปฏิบัติของคนยิว ที่ต้องอวยพรบุตรหัวปี ด้วยพระพรสองเท่า แต่นี่ยาโคบกลับสลับเอาพระพรสองเท่าไปให้กับเอฟราอิมผู้เป็นน้องคนเล็กแทนที่จะให้กับมนัสเสห์ผู้เป็นพี่ชายคนโต
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับโยเซฟเป็นอย่างยิ่ง พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า โยเซฟไม่พอใจ โยเซฟจึงได้จับมือบิดา และพยายามจะสลับกลับให้ถูกต้อง แต่ยาโคบไม่ยอม (ปฐก 48:17-19)
มือที่ไขว้กันของยาโคบ คือภาพสัญลักษณ์ไม้กางเขนพระเยซูคริสต์
มนัสเสห์ เล็งถึง ความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสที่เราไม่อยากจะจดจำ และอยากลืม เราทุกคนต่างมีอดีต ที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ และเป็นแผลในใจ ทุกครั้งที่เราคิดถึงเหตุการณ์นั้น ๆ หลายครั้งเราอาจพร่ำพรรณา ตำหนิ ตัดพ้อต่อว่าตัวเอง หรือผู้อื่นว่า "ไม่น่าเลย" พี่น้องที่รัก เหตุการณ์เหล่านั้น ได้เกิดขึ้นแล้ว และเราไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอดีตได้ ขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าของเราใหญ่ยิ่ง พระองค์ทรงฤทธิ์อาจ เปลี่ยนสิ่งไม่ดี หรือแม้แต่ความผิดพลาด ความบกพร่องของเรา ให้กลายเป็นพรกับชีวิตของเราได้
เอฟราอิม เล็งถึง สารพัดพระพรมากมายที่เรานับไม่หวาดไม่ไหว
มือขวาที่วางลงบนเอฟราอิม คือภาพสัญลักษณ์ที่พระเจ้าจะอวยพระพรเราร้อยเท่าทวีคูณ และด้วยพระพรที่มากมาย ที่พระองค์อวยพรเรา จะทำให้เราลืมอดีตที่ขื่นขมนั้นเสีย
พี่น้องที่รัก ในชีวิตของท่าน ท่านอาจเคยเดินผ่าน เหตุการณ์เลวร้าย หลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของท่านเองก็ตามที
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ท่านเดินกลับมาหาพระเจ้า พระองค์มีความรักให้ท่านอยู่เสมอทุกเวลา เหมือนดังบิดาที่พร้อมจะฟื้นคืนฐานะให้กับบุตรน้อยที่หลงหายไป และได้กลับคืนมาหาบิดา ฉันใดฉันนั้น พระเจ้าจะอวยพระพรท่านอย่างมากมาย และด้วยพระพรมากมายนั้น จะทำให้ท่านลืม ลืมอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้น
ภาพมือที่ไขว้กันของยาโคบ เล็งถึงไม้กางเขนขององค์พระเยซู และงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์
ที่บนกางเขน พระเยซูได้ทรงถูกกระทำให้เป็นบาป คำแช่งสาปที่เป็นของเรา ได้ถูกถ่ายโอนไปให้กับพระองค์ เพื่อที่พระพรของอับราฮัม จะได้ถูกถ่ายโอนกลับมาให้กับเรา ชีวิตในพระคริสต์ จึงไม่มีคำแช่งสาปอีกต่อไป จะมีก็แต่พระพรของอับราฮัม ในโอกาสต่อไป เราจะมาเจาะลึกเรื่องพระพรของอับราฮัมกันนะครับ
กท 3:13-14 13 พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง) 14 เพื่อพระพรทางอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลาย เพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ
Gal 3:13-14 13 Christ has redeemed us from the curse of the law, having become a curse for us (for it is written, "Cursed is everyone who hangs on a tree"), 14 that the blessing of Abraham might come upon the Gentiles in Christ Jesus, that we might receive the promise of the Spirit through faith. (NKJ)
สิ่งที่พระเจ้าอยากจะบอกกับท่านในวันนี้ก็คือ ไม่ใช่มนัสเสห์ แต่เป็นเอฟราอิม
"ขอให้พระพักตร์พระองค์ทอแสงอยู่บนท่าน ขอให้ท่านสูงขึ้นทางเดียว ไม่มีต่ำลง ขอให้ท่านเป็นหัว ไม่ใช่หาง ท่านจะได้รับพระพรในทุกที่ ที่ย่างเท้าของท่านเหยียบไป พงศ์พันธุ์ของท่าน และพื้นดินของท่านจะรับพระพร ศัตรูที่ลุกขึ้นต่อสู้ท่านจะพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาสู้ท่านทางหนึ่ง และจะหนีจากท่านเจ็ดทาง พระเจ้าจะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และบรรดากิจการที่ท่านทำ พระองค์จะทรงอำนวยพระพร พระองค์จะเปิดคลังฟ้าอันดี และประทานฝนแก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการแห่งน้ำมือของท่าน ท่านจะให้ประชาชาติทั้งหลายยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา"
พี่น้องที่รัก พระพรเหล่านี้ เป็นกรรมสิทธิ์ และเป็นมรดกที่พระเจ้าได้มอบให้แก่เราแล้ว ขอให้เราเชื่อ และมั่นใจในพระสัญญาของพระองค์ เชื่อว่าพระเจ้ารักเรา รักเรามากยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เสียอีก สิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำให้กับพวกเราบนไม้กางเขน คือเครื่องยืนยัน ถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา ขอให้วันนี้เรามั่นใจ และเชื่อมั่นในความรักของพระเจ้า เพราะสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เชื่อว่าพระเจ้ารักเขาและเธอเสมอ
มือที่ไขว้กันของยาโคบ คือภาพสัญลักษณ์ไม้กางเขนพระเยซูคริสต์
มนัสเสห์ เล็งถึง ความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสที่เราไม่อยากจะจดจำ และอยากลืม เราทุกคนต่างมีอดีต ที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ และเป็นแผลในใจ ทุกครั้งที่เราคิดถึงเหตุการณ์นั้น ๆ หลายครั้งเราอาจพร่ำพรรณา ตำหนิ ตัดพ้อต่อว่าตัวเอง หรือผู้อื่นว่า "ไม่น่าเลย" พี่น้องที่รัก เหตุการณ์เหล่านั้น ได้เกิดขึ้นแล้ว และเราไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอดีตได้ ขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าของเราใหญ่ยิ่ง พระองค์ทรงฤทธิ์อาจ เปลี่ยนสิ่งไม่ดี หรือแม้แต่ความผิดพลาด ความบกพร่องของเรา ให้กลายเป็นพรกับชีวิตของเราได้
เอฟราอิม เล็งถึง สารพัดพระพรมากมายที่เรานับไม่หวาดไม่ไหว
มือขวาที่วางลงบนเอฟราอิม คือภาพสัญลักษณ์ที่พระเจ้าจะอวยพระพรเราร้อยเท่าทวีคูณ และด้วยพระพรที่มากมาย ที่พระองค์อวยพรเรา จะทำให้เราลืมอดีตที่ขื่นขมนั้นเสีย
พี่น้องที่รัก ในชีวิตของท่าน ท่านอาจเคยเดินผ่าน เหตุการณ์เลวร้าย หลายต่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของท่านเองก็ตามที
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ท่านเดินกลับมาหาพระเจ้า พระองค์มีความรักให้ท่านอยู่เสมอทุกเวลา เหมือนดังบิดาที่พร้อมจะฟื้นคืนฐานะให้กับบุตรน้อยที่หลงหายไป และได้กลับคืนมาหาบิดา ฉันใดฉันนั้น พระเจ้าจะอวยพระพรท่านอย่างมากมาย และด้วยพระพรมากมายนั้น จะทำให้ท่านลืม ลืมอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้น
ภาพมือที่ไขว้กันของยาโคบ เล็งถึงไม้กางเขนขององค์พระเยซู และงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์
ที่บนกางเขน พระเยซูได้ทรงถูกกระทำให้เป็นบาป คำแช่งสาปที่เป็นของเรา ได้ถูกถ่ายโอนไปให้กับพระองค์ เพื่อที่พระพรของอับราฮัม จะได้ถูกถ่ายโอนกลับมาให้กับเรา ชีวิตในพระคริสต์ จึงไม่มีคำแช่งสาปอีกต่อไป จะมีก็แต่พระพรของอับราฮัม ในโอกาสต่อไป เราจะมาเจาะลึกเรื่องพระพรของอับราฮัมกันนะครับ
กท 3:13-14 13 พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง) 14 เพื่อพระพรทางอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลาย เพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ
Gal 3:13-14 13 Christ has redeemed us from the curse of the law, having become a curse for us (for it is written, "Cursed is everyone who hangs on a tree"), 14 that the blessing of Abraham might come upon the Gentiles in Christ Jesus, that we might receive the promise of the Spirit through faith. (NKJ)
สิ่งที่พระเจ้าอยากจะบอกกับท่านในวันนี้ก็คือ ไม่ใช่มนัสเสห์ แต่เป็นเอฟราอิม
"ขอให้พระพักตร์พระองค์ทอแสงอยู่บนท่าน ขอให้ท่านสูงขึ้นทางเดียว ไม่มีต่ำลง ขอให้ท่านเป็นหัว ไม่ใช่หาง ท่านจะได้รับพระพรในทุกที่ ที่ย่างเท้าของท่านเหยียบไป พงศ์พันธุ์ของท่าน และพื้นดินของท่านจะรับพระพร ศัตรูที่ลุกขึ้นต่อสู้ท่านจะพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาสู้ท่านทางหนึ่ง และจะหนีจากท่านเจ็ดทาง พระเจ้าจะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และบรรดากิจการที่ท่านทำ พระองค์จะทรงอำนวยพระพร พระองค์จะเปิดคลังฟ้าอันดี และประทานฝนแก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการแห่งน้ำมือของท่าน ท่านจะให้ประชาชาติทั้งหลายยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา"
พี่น้องที่รัก พระพรเหล่านี้ เป็นกรรมสิทธิ์ และเป็นมรดกที่พระเจ้าได้มอบให้แก่เราแล้ว ขอให้เราเชื่อ และมั่นใจในพระสัญญาของพระองค์ เชื่อว่าพระเจ้ารักเรา รักเรามากยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เสียอีก สิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำให้กับพวกเราบนไม้กางเขน คือเครื่องยืนยัน ถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา ขอให้วันนี้เรามั่นใจ และเชื่อมั่นในความรักของพระเจ้า เพราะสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เชื่อว่าพระเจ้ารักเขาและเธอเสมอ
เอเมน!! ที่กางเขนที่กางเขน ข้าได้เห็นความสว่าง และความหนักใจอันใหญ่ยิ่งได้หลุดหาย เพราะข้าดูกางเขนจึงแลเห็นพระเจ้า เดี๋ยวนี้ ข้าจึงมีความสุขสบาย :)
ตอบลบขอบคุณมากเลยครับสำหรับการหนุนใจ รอคอยตอนพระพรของอับราฮัมอยู่นะครับ
ตอบลบ