วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

The God of Bethel Part 3


ท้าวความเดิมตอนที่หนึ่ง ยาโคบขโมยสิทธิบุตรหัวปี จากพี่ชายฝาแฝดเอซาว โดยร่วมกับมารดา หลอกให้บิดาที่ตามองไม่เห็น ให้อธิษฐานอวยพร ส่งต่อสิทธิบุตรหัวปีให้กับตน แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เอซาวโกรธแค้นยาโคบมาก และตั้งใจว่า เมื่อไหร่ที่พ่อเสีย จะเก็บยาโคบซะ เรเบคาห์มารดา จึงส่งให้ยาโคบเดินทางไปอยู่กับลาบันพี่ชายของตน ที่เมืองไกล ทิศตะวันออก ระหว่างการเดินทางไปหาลาบัน ยาโคบได้ผ่านมาที่หนึ่ง ที่เรียกว่า เบธเอล ที่นั่นยาโคบได้สร้างแท่นบูชา และอธิษฐานกับพระเจ้า ให้พระองค์ดูแลเขา ประทานอาหาร เสื้อผ้า และนำเขากลับมาบ้านเกิดเขาอีกครั้งหนึ่งโดยสวัสดิภาพ

ตอนสอง ยาโคบตกหลุมรักราเชลลูกสาวลาบัน และยอมทำงานรับใช้ลุง 7 ปี เพื่อจะได้แต่งงานกับราเชล แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของลาบัน ยาโคบต้องอยู่รับใช้ลาบันเพิ่มอีก 7 ปี รวมเวลาทั้งหมด ยาโคบอยู่กับลาบันร่วม 20 ปีทีเดียว จบตอนที่แล้ว ยาโคบคุยกับลุง ซึ่งเป็นพ่อตาของยาโคบในเวลาเดียวกันว่า อยากจะกลับไปบ้านเกิดเมืองบิดา (ปฐก 30:25) แต่ลาบันก็พยายามรั้งยาโคบไว้ ด้วยเหตุผลฝ่ายวิญญาณที่ว่า ลาบันจะเสียผลประโยชน์ เนื่องจากลาบันสังเกตุเห็นพระพรที่มองเห็นและจับต้องได้ (tangible blessings) ผ่านทางยาโคบ พระเจ้าทรงอวยพรยาโคบ ไม่ว่ายาโคบจะหันไปทางซ้าย หรือทางขวา จะจับต้องอะไร เป็นสำเร็จเกิดผล มากมาย (ปฐก 30:27, 30)

ณ จุดตรงนี้ จะว่าไปแล้ว ยาโคบก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นของตัวเอง

20 ปีก่อน หนุ่มน้อยยาโคบ ต้องเดินทางร่อนเร่ หนีเอาชีวิตรอดจากพี่ชายของตน มาดินแดนไกลทางทิศตะวันออก ฝ่ายวิญญาณยาโคบได้รับสิทธิบุตรหัวปี พระพรแห่งอับราฮัมมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อบิดาของตน ได้วางมืออธิษฐาน ส่งต่อการอวยพรของพระเจ้า แต่ฝ่ายกายภาพ เขาไม่มีอะไรเลย หนำซ้ำ ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีกต่างหาก



วันที่ยาโคบมาถึงเบธเอล สร้างแท่นบูชา และอธิษฐานกับพระเจ้า หลังจากที่เขาอธิษฐานจบ พระเจ้าก็ไม่ได้แสดงหมายสำคัญ หรือตรัสอะไรพิเศษกับเขา ว่าพระองค์ได้ยินคำอธิษฐานของเขา หลังจากที่ยาโคบอธิษฐานกับพระเจ้าเสร็จ สถานการณ์ในฝ่ายกายภาพ ยังดูเหมือนเดิมทุกประการ เขายังต้องเดินทางต่อไปในที่เขาไม่เคยไป และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ไปอยู่กับลาบันก็โดนหลอก โดนเอาเปรียบ ถูกใช้งานยาวนานร่วม 20 ปี ยาโคบรับใช้ลาบัน พระพร การอวยพรทั้งหมด ก็ไหลไปที่ลาบัน เป็นของลาบันทั้งหมด สถานการณ์ฝ่ายกายภาพของยาโคบเวลานี้ จริงๆ แล้วดูเหมือนจะแย่ลง เพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้นถึง 20 ปี จะว่าไปแล้ว 20 ที่ผ่านมา เหมือนจะสูญเปล่า ยาโคบทำงาน แต่ไม่ได้รับค่าแรงที่เป็นทรัพย์สินเงินทอง ได้มาก็แต่ภรรยาและลูกอีกเกือบ 1 โหล ค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต (Cost of Living) เพิ่มขึ้นมากโข เพราะจากตัวคนเดียว ตอนนี้นอกจากตนเองแล้วยังมีคนที่ต้องดูแลอีกร่วม 1 โหล

ในชีวิตคริสเตียนของเรา วันที่เราตัดสินใจเชื่อ ต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เรารอดแล้วจากการลงโทษนิรันดร์ในนรกบึงไฟ โดยความเชื่อนั้น ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน ความบาปทั้งชีวิตของเรา ได้ถ่ายโอนไปที่พระเยซู ในขณะเดียวกัน ความชอบธรรมของพระเยซู พระพรทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นของพระเยซู ได้ถ่ายโอนมาเป็นของเรา เราได้รับพระพรทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งพระพรของอับราฮัม ที่ยาโคบได้รับด้วย มาเป็นของเรา วันนี้เราเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้าแล้ว ไม่ใช่โดยความดีที่เรากระทำ แต่โดยความดีที่พระเยซูกระทำในฐานะตัวแทนของเรา เราจึงสามารถคาดหวัง จะเห็นพระพรนานับประการของพระเจ้าในชีวิตของเรา

แต่อาจมีบางช่วงของเวลา ที่เราเป็นเหมือนยาโคบในตอนนี้ บางช่วงเวลา ที่ความคิดผุดขึ้นมาในใจของเราว่า ทำไมไม่เห็นผลแห่งพระพรเกิดขึ้นในชีวิตของเราเลย? เราอธิษฐานขอพระเจ้า ไม่รู้พระเจ้าจะได้ยินคำอธิษฐานของเราหรือเปล่า? ทำไมเรายังต้องร่อนเร่ ไร้หลักแหล่ง? ทำไมเรายังโดนคนอื่นเอาเปรียบซ้ำเข้าไปอีก? อายุเราก็มากขึ้นแล้ว เราเหมือนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน? เราเหมือนยังศูนย์อยู่เลย? สถานการณ์ของยาโคบ ไม่ได้ต่างกับคำถามเบื้องต้นของเราสักเท่าไหร่?

ตอนที่ยาโคบอธิษฐานกับพระเจ้าที่เบธเอล พระเจ้าก็ไม่ได้แสดงหมายสำคัญยิ่งใหญ่ ว่าพระองค์ได้ยินคำอธิษฐาน และจะตอบยาโคบ ชีวิตของยาโคบยังดำเนินไปตามปรกติ เขายังต้องร่อนเร่ ชีวิตเขายังโดนลาบันเอารัดเอาเปรียบ เวลาผ่านล่วงเลยไปกว่า 20 ปี ในฝ่ายกายภาพ เขาก็ไม่เห็นจะได้พระพรอะไรสำหรับตัวเอง พระพรทั้งหมด กลายเป็นของลาบัน

ณ จุดเวลาปฐก 30:30 ยาโคบยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย 20 ปีที่ผ่านมา เหมือนสูญเปล่า แต่ในอีก 13 ข้อถัดมา พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า


ปฐก 30:43 ยาโคบก็มั่งมีมากขึ้น มีฝูงแพะแกะฝูงใหญ่ คนใช้ชายหญิง และฝูงอูฐฝูงลา

ความมั่งคั่ง 20 ปีของลาบัน ได้ถ่ายโอนมาอยู่ที่ยาโคบ บรรดาบุตรชายของลาบัน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

ปฐก 31:1 ยาโคบได้ยินบุตรชายของลาบันพูดว่า "ยาโคบได้แย่งทรัพย์ของบิดาเราไปหมด เขาได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้มาจากบิดาเรา"

ผมอยากจบซีรีย์นี้ ด้วยคำพูดที่พระเจ้าตรัสกับยาโคบ

ปฐก 31:12-13 12 พระองค์ตรัสว่า `เงยหน้าขึ้นดู แพะตัวผู้ทุกตัวที่สมจรกับฝูงสัตว์นั้น เป็นสัตว์ลายและมีจุดและลายเป็นแถบๆ เพราะเราเห็นทุกสิ่งที่ลาบันทำกับเจ้า 13 เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอลที่เจ้าเจิมเสาสำคัญไว้และปฏิญาณต่อเรา บัดนี้จงลุกขึ้นออกจากแผ่นดินนี้ และกลับไปยังแผ่นดินพี่น้องของเจ้า'"

เรื่องเหตุการณ์เบธเอล นี่คือสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับผม และหนุนใจผมในช่วงเวลาที่ผ่าน ผมซาบซึ้งกับคำพูดของพระเจ้ามาก ข้อ 12 ในห้วงเวลาที่เราเหมือนจะยากลำบาก เผชิญอุปสรรคปัญหามากมาย โดนเอาเปรียบ หรือจะโดนอะไรก็ตาม พระเจ้าอยากจะบอกกับพวกเราว่า "เราเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า"

พี่น้องที่รัก ไม่มีอะไรที่เราต้องกังวล ตราบที่เราเดินไปกับพระเจ้าที่รักเรา พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ในชีวิตของเรา พระเจ้าคุมสถานการณ์ได้ Our God is in control. ไม่มีอะไรจะเลวร้ายเกิดกว่า ที่พระเจ้าจะเปลี่ยนให้มันกลับกลายมาเป็นพระพรในชีวิตของเราได้ ผมชอบสิ่งที่อาจารย์เปาโลกล่าวไว้ใน รม 8:28 all things work together for good to those who love God พระเจ้าไม่เคยหลอกเรา สิ่งที่พระองค์ทรงพูด เรามั่นใจได้ 1,000% ว่ามันจะเกิดขึ้น พระเจ้าบอกกับเราว่า all things ทุกสิ่งหมายถึง สิ่งที่ดูเหมือนไม่ดีในสายตาของเราด้วย จะกลายเป็นผลดีกับเราในที่สุด ขอให้เรามั่นใจในความรักที่พระองค์มีต่อเรา ขนาดชีวิตของพระองค์ พระองค์ยังมอบให้แก่เรา จะมีสิ่งดีอื่นใดหรือ ที่พระเจ้าจะหวงเอาไว้จากเรา ไม่มีแน่นอน พระเจ้าเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา

ในข้อ 13 เป็นข้อที่ผมซาบซึ้งพระเจ้ามากที่สุด พระเจ้าของเรา อ่อนโยน ละเอียดอ่อน และที่สำคัญที่สุด พระองค์ทรงรักเรา ดูสิ่งที่พระเจ้าพูดกับยาโคบซิครับ "เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอล"


จำได้ไหมครับ 20 ปีก่อน ตอนที่ยาโคบเป็นคนร่อนเร่ ต้องหนีเอาชีวิตรอด เป็น Mr. Nobody ที่เบธเอล ที่ซึ่งยาโคบสร้างแท่นบูชา และอธิษฐานกับพระเจ้า ขอให้พระเจ้าดูแลเขา

มาวันนี้ พระเจ้าทรงอำนวยพระพร ยาโคบในตอนนี้ เป็นอาเสี่ยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระเจ้าตรัสกับยาโคบว่า "เราคือพระเจ้าองค์นั้น ที่เบธเอล ที่ซึ่งเจ้าอธิษฐานกับเรา" อาจมีหลายครั้ง ที่เราอธิษฐานกับพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงช่วยเราในบางเรื่อง เวลาผ่านล่วงเลย คำตอบเหมือนไม่มาสักที เราก็รอแล้วรออีก เราไม่แน่ใจว่า พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเราหรือเปล่า? โดยงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ช่วงว่างระหว่างเรากับพระเจ้า ไม่มีอีกต่อไป พระเยซูเอาเสื้อแจ๊คเก๊ตสีดำของเราไป และมอบแจ๊คเก๊ตสีขาวของพระองค์ให้กับเรา

ในวันนี้ เมื่อพระบิดามองมาที่เรา สิ่งที่อับบาเห็นก็คือ ความชอบธรรมของพระคริสต์ ที่เราสวมอยู่ เราจึงมั่นใจได้ว่า ทุกอย่างที่เราพูดกับพระองค์ พระองค์ได้ยิน พระองค์ไม่เพียงแต่ได้ยิน พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานด้วย ยาโคบขอพระเจ้า 3 อย่าง อาหาร เสื้อผ้า และได้กลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัย ด้วยฐานะเจ้าสัวใหม่ของยาโคบ เราเดาได้เลยว่า เรื่องอาหาร และเสื้อผ้า พระเจ้าน่าจะตอบคำอธิษฐานไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องสุดท้าย ที่พระเจ้ากำลังจะตอบยาโคบ ก็คือกลับมาตูภูมิอย่างปลอดภัย พระเจ้าตรัสกับยาโคบว่า "จงลุกขึ้นออกจากแผ่นดินนี้ และกลับไปยังแผ่นดินพี่น้องของเจ้า" แสดงว่า พระเจ้ากำลังตอบยาโคบเรื่องที่สาม

สุดท้าย พี่น้องที่รัก ถ้าวันนี้ พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ท่านเชื่อ เป็นพระเจ้าที่ท่านต้อนรับ ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด คำอธิษฐานที่ท่านอธิษฐานกับพระเจ้าที่เบธเอล (บ้าน, ที่ทำงาน, ฟู้ดคอร์ท, Canteen, ในรถประจำทาง, ในรถยนต์, ห้องอาบน้ำ หรือจะที่ไหนก็ตาม) แม้ว่าหลังที่ท่านได้อธิษฐานกับพระองค์ไปแล้ว ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิม หรือแม้แต่จะแย่ลงในฝ่ายกายภาพ
ก็ตาม แต่ความจริงได้เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นแล้ว ในโลกฝ่ายวิญญาณ ขอให้ท่านมั่นใจ มั่นใจในความรักที่พระองค์มีต่อท่าน คำตอบของท่านกำลังเดินทางมา (the prayer answer is on its way) ถึงวันนั้น พระเจ้าจะบอกกับท่านว่า "เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอล"

ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่านมากมาย จนนับกันไม่หวั่นไม่ไหวครับ ขอบคุณที่อดทนอ่าน เรื่องเบธเอลนี้ จนจบครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น