ยน 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
John 10:10 "The thief does not come except to steal, and to kill, and to destroy. I have come that they may have life, and that they may have it more abundantly. (NKJ)
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 10 และในข้อ 10 เป็นคำพูดของพระเยซูเอง คำพูดของพระองค์ในข้อนี้ มีข้อน่าสังเกต และจุดที่น่าสนใจอยู่หลายจุดด้วยกัน ก่อนที่เราจะมาเจาะลึกสิ่งที่พระเยซูทรงตรัสไว้ในพระคัมภีร์ข้อนี้ เรามาดูภาพใหญ่ ดูบริบทของพระธรรมยอห์น บทที่ 10 กันสักหน่อย เพื่อจะช่วยให้เราตีความพระคัมภีร์ตอนนี้ อย่างถูกต้องและแม่นยำ
ยอห์นบทที่ 10 ข้อ 1-21 ในบริบทพูดถึง เรื่องของแกะกับผู้เลี้ยง ชัดเจนว่าผู้เลี้ยงแกะที่พระเยซูทรงกล่าวถึง เล็งถึง พระองค์เอง ในข้อ 11 และ ข้อ 14 พระเยซูทรงพูดชัดว่า "พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี"
พี่น้องที่รัก พระองค์ไม่เพียงแต่เป็นผู้เลี้ยงของเรา พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดีอีกด้วย ท่านเชื่ออย่างนั้น หรือไม่? ถ้าท่านเชื่อในความดีของพระเจ้า เชื่อว่าพระเยซูทรงรักท่าน และพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยง ที่ดี ของท่าน พระสัญญาที่มาคู่กับการเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพระองค์ก็คือ "ท่านจะไม่ขัดสนสิ่งดีอันใด" จะเกิดขึ้น เป็นจริง ในชีวิตของท่าน (สดด 23:1) อย่างแน่นอน โดยไม่มีข้อสงสัย
สิ่งดีดีเกิดขึ้นอย่างง่ายดายในชีวิตของผู้เชื่อ เมื่อพวกเขาเชื่อว่า พระเจ้าทรงรักเขาและเธอ
กลับมาที่พระธรรมยอห์นบทที่ 10 ผู้เลี้ยงในบริบท ชัดเจนว่า เล็งถึงพระเยซู ส่วนแกะ ก็เล็งถึงผู้เชื่อ ซึ่งก็คือพวกเราทั้งหลาย
ความน่าสนใจของพระคัมภีร์ตอนนี้ อยู่ที่ข้อ 10 ในข้อ 10 มีตัวละครเพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง ตัวละครตัวที่สามนี้ พระเยซูเรียกมันว่า "ขโมย" ขโมยในที่นี้ คือใคร เล็งถึงใครกันนะ?? มีการถกเถียงกันหมู่ในนักศาสนศาสตร์ บ้างก็ว่า ขโมยและโจรตรงนี้ เล็งถึงฟาริสี บ้างก็ว่าเล็งถึงนักการศาสนา หรือผู้สอนผิด บ้างก็เชื่อว่า ขโมยตรงนี้เล็งถึงมารซาตาน
ตกลง "ขโมย" ตัวละครตัวที่สามนี้ เล็งถึงใครกันแน่??
ข้อพึงสังเกต พระเยซูทรงกล่าวถึงขโมยทั้งหมด 3 ครั้งในยอห์นบทที่ 10 คือในข้อ 1 ข้อ 8 และก็ข้อ 10
โดยในข้อ 1 พระเยซูใช้คำว่า "a thief" Article [คำนำหน้าคำนาม] "a" หมายถึง ขโมยคนใดคนหนึ่งจากขโมยหลายๆ คน
John 10:1 "Most assuredly, I say to you, he who does not enter the sheepfold by the door, but climbs up some other way, the same is a thief and a robber. (NKJ)
ยน 10:1 "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่มิได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร
ส่วนในข้อ 8 พระองค์ทรงพูดถึง "thieves" เป็นพหูพจน์ หมายถึง ขโมยหลายๆ คน แสดงว่า ขโมยมีอยู่ด้วยกันหลายคนJohn 10:8 "All who ever came before Me are thieves and robbers, but the sheep did not hear them. (NKJ)
ยน 10:8 บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา
แต่มาถึงในข้อ 10 มีจุดน่าสังเกต ใหญ่ๆ อยู่ 2 จุด จุดแรก พระองค์ละคำว่า "robber และ robbers" เหลือไว้แค่คำว่า "thief" คำเดียวเลย เท่านั้นไม่พอ มีการใช้ Article "the" แสดงว่า พระองค์กำลังพูดถึง ขโมยคนหนึ่ง คนเดียว คนนั้น ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ได้พูดถึง ขโมยทั่วๆ ไป เหมือนในข้อ 1 และก็ข้อ 8
เขาคนนี้ คือใครกันนะ??
John 10:10 "The thief does not come except to steal, and to kill, and to destroy. I have come that they may have life, and that they may have it more abundantly. (NKJ)
ยน 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ข้อสมมุติฐาน เป็นไปได้ไหมว่า ที่นักศาสนศาสตร์ถกเถียงกัน ว่าขโมย และโจร คือฟาริสี นักการศาสนา ผู้สอนผิด หรือมารซาตาน จริงๆ ไม่มีใครผิดหรือถูก 100% มีความเป็นไปได้ ที่ในข้อ 1 และข้อ 8 อาจเล็งถึง ฟาริสี นักศาสนา และผู้สอนผิด โดยดูจากคำนาม และคำนำหน้านามที่ใช้ กล่าวคือ มีอยู่ด้วยกันหลายคน เป็นพหูพจน์ ตลอดจนมีการใช้คำนำหน้านามที่กล่าวถึง คนใดคนหนึ่งในหลายๆ คน
แต่พอมาในข้อ 10 ด้วยคำนำหน้านามที่เฉพาะเจาะจงลงไปว่า "the thief" ไม่มี "and the robber" เหมือนกับสองข้อข้างบน เป็นไปได้ไหมว่า "The thief" ตรงนี้ ที่พระเยซูกำลังกล่าวถึง "ขโมยตัวพ่อ" ซึ่งก็คือ "มารซาตาน" ที่อยู่เบื้องหลัง ขโมยและโจร ตัวลูกในสองข้อก่อนหน้านี้
ควานน่าสนใจของพระธรรมยอห์นบทที่ 10 ข้อ 10 ยังไม่หมดแค่นี้ ถ้าเราลองใคร่ครวญ พระวจนะของพระเจ้าใน ยน 10:10 ดูดีๆ มีจุดน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง คือในตอนปลายของข้อ 10 พระองค์พูดถึงชีวิตครบบริบูรณ์ ที่พระองค์ได้ทรงประทานให้กับผู้เชื่อ แต่ก่อนที่พระองค์จะพูดถึงชีวิตครบบริบูรณ์ พระองค์กล่าวถึง "The thief" ว่ามาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย ทำไมพระองค์ถึงต้องกล่าวถึง act ของขโมย ในข้อเดียวกันกับ เรื่อง "ชีวิตครบบริบูรณ์"
แสดงว่า มันต้องมีความเกี่ยวข้องกัน และสัมพันธ์กัน ระหว่าง "ชีวิตครบบริบูรณ์" กับ "Act of the Thief (พฤติกรรมของขโมยตัวพ่อ)" ซึ่งก็คือ การลัก ฆ่า และทำลาย
เป็นไปได้ไหมว่า พระเยซูให้ hint กับเราว่า สาเหตุที่ชีวิตครบบริบรูณ์ (Life More Abundantly) ไม่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้เชื่อ ก็เพราะว่า ขโมยตัวพ่อได้มาหลอกความคิดผู้เชื่อ จากนั้นก็ขโมย ปล้นชิง พระสัญญา ที่เป็นของผู้เชื่อไป เพราะผู้เชื่อตกหลุมพราง เชื่อในคำโกหกพกลมของมารซาตาน มากกว่าพระสัญญาของพระเจ้า
สิ่งที่มารชอบทำ และทำต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยปฐมกาลแล้ว ก็คือ ทำให้เราสงสัยพระเจ้า พี่น้องจำเหตุการณ์ที่มารในคราบของงูมาล่อลวงเอวาได้ไหมครับ? 3 คำถามหลักๆ ที่มารยิงใส่เอวา ล้วนแล้วแต่ทำให้เอวา สงสัย ไม่เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าพูด ที่สุดเอวาก็เพลี่ยงพล้ำ เสียทีให้กับมาร ขโมยตัวพ่อ เริ่มปฐมกาลมา มารก็ปล้นสิทธิการครอบครอง ที่พระเจ้ามอบให้กับมนุษย์ไป พี่น้องที่รัก วันนี้มารก็ยังคงทำแบบเดิมอยู่
"ชีวิตครบบริบูรณ์" เป็นของเราแล้ว ไม่ใช่จะเป็นในอนาคต แต่เป็นของเราแล้ว วันนี้ และก็เดี๋ยวนี้ จริงๆ แล้ว ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า ชีวิตครบบริบูรณ์ เป็นของเราแล้ว ตั้งแต่ Day One ที่เราต้องรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต ในฐานะของพระผู้ช่วยให้รอด และพระเจ้าของเรา
พระเยซูได้บอกกับเรา เหตุผลเดียว ที่ทำให้ชีวิตครบบริบูรณ์ (Life more Abundantly) ไม่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ก็คือ เราเชื่อคำโกหกของมาร และปล่อยให้มารทำสิ่งที่มารเคยทำสำเร็จกับเอวาในสวนเอเดนกับเราอีกครั้งหนึ่งวันนี้ คือ ปล้น ขโมย ลัก และก็ทำลาย
พี่น้องที่รัก ถ้าวันนี้ท่านเชื่อ เชื่อในพระสัญญา เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าพูด มากกว่าคำโกหกไร้สาระของมารซาตาน ชีวิตครบบริบูรณ์ ในพระธรรมยอห์นบทที่ 10 ข้อ 10 จะเกิดขึ้น และเป็นจริงในชีวิตของท่านอย่างแน่นอน
มีผู้เชื่อหลายคน เชื่อว่า "ชีวิตครบบริบูรณ์" ที่พระเยซูพูดถึงตรงนี้ หมายถึง ชีวิตในสวรรค์ หลังจากที่พวกเราตายจากโลกนี้ ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว แต่ถ้าเรากลับไปตรึกตรอง พระธรรม ยน 10:10 ดูดีๆ เราจะพบว่า การเชื่อแบบนั้น จะก่อให้เกิดคำถามในเชิงศาสนศาสตร์ขึ้นมา ยังไงกัน???
ในข้อ 10 พระเยซูบอกกับเรา ว่าอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้พระสัญญาของพระเจ้า เรื่องชีวิตครบบริบูรณ์ เกิดขึ้น และเป็นจริงในชีวิตของผู้เชื่อ ก็คือ act of the thief (การกระทำของขโมย) คำถาม ถ้าพระสัญญาข้อนี้ พระเยซูพูดถึงชีวิตในสวรรค์ แสดงว่า มารซาตาน ก็ไปสวรรค์ด้วยกันกับเรา อึม.... มารไปสวรรค์ด้วยกันกับเราด้วยเหรอ?? มารตามไปปล้นเราถึงสวรรค์เลยเหรอ??
จากบริบท พระสัญญาข้อนี้ เรื่อง "ชีวิตครบบริบูรณ์" คือพระสัญญา ที่พระเจ้าสัญญาว่าจะเกิดขึ้นกับเรา ในโลกนี้ ตอนนี้ และก็เดี๋ยวนี้ พี่น้องลองไปภาวนา พระคัมภีร์ตอนนี้ดูนะครับ ชีวิตที่ขัดสนตลอดเวลา จะเรียกว่า "ชีวิตครบบริบูรณ์" ได้หรือไม่?
สิ่งที่มารทำต่อเนื่องเสมอมา ทุกยุคทุกสมัยก็ถือ ลัก ฆ่า และทำลาย (ยน 10:10) มารหลอกความคิดผู้เชื่อ จากนั้นก็ขโมย ปล้นชิง สิ่งที่เป็นของผู้เชื่อไป การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ เรามีความเชื่อที่ถูกต้องเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ผู้เชื่อตกอยู่ภายใต้ความขัดสน และความไม่เพียงพอ ก็คือ ทัศนคติของผู้เชื่อนั่นเอง พระประสงค์ที่แท้จริงของพระเจ้า คืออวยพรลูกๆ ของพระองค์ มนุษย์ผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีที่สุดแก่ลูกของตน แล้วทำไมพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ปราศจากบาป พระองค์ผู้ทรงเป็นความรัก จะไม่ยิ่งให้ของดีที่สุดกับลูกของพระองค์ พระเจ้าปรารถนาจะอวยพรลูกๆ ของพระองค์ ในทุกๆ ด้าน รวมทั้งด้านความมั่งคั่งด้วยเช่นกัน
ไม่มีพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์คนไหน อยากเห็นลูกของตน ตกอับ ยากจน และก็ขัดสน พระเจ้าผู้เป็นความรัก จะไม่ยิ่งรัก และปรารถนาจะอวยพร และให้กับเรามากยิ่งกว่าพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์หรือ??
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น